วารสารวิชาการทางการพยาบาลและวิทยาศาสตร์สุขภาพ https://he04.tci-thaijo.org/index.php/AJNHS <p><strong>วารสารวิชาการทางการพยาบาลและวิทยาศาสตร์สุขภาพ เป็นวารสารทางการพยาบาลราย 4 เดือน จัดทำขึ้นโดยวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม คณะพยาบาลศาสตร์ สถาบันพระบรมราชชนก เพื่อเผยแพร่และส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับการพยาบาล การศึกษา การสาธารณสุข และความรู้จากศาสตร์อื่นๆ ที่เป็นประโยชน์<br /><br />วัตถุประสงค์</strong></p> <ol> <li>เพื่อเผยแพร่และส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับการพยาบาล การศึกษา การสาธารณสุข และความรู้จากศาสตร์อื่นๆ ที่เป็นประโยชน์</li> <li>เพื่อเผยแพร่ผลงานวิชาการ งานวิจัย บทความวิชาการ บทความพิเศษ ปกิณกะสาระความรู้ ด้านการพยาบาล การสาธารณสุข การศึกษา ให้แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้ที่ต้องการศึกษาค้นคว้า</li> <li>เพื่อเสริมสร้างนักวิชาการทางการพยาบาล การศึกษา การสาธารณสุข และเผยแพร่ความรู้จากประสบการณ์และการศึกษา ค้นคว้าเพื่อนำไปสู่การสร้างองค์ความรู้ใหม่</li> <li>เพื่อเป็นสื่อกลางการติดต่อสัมพันธ์ ระหว่างบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขร่วมกับสหวิชาชีพทั่วประเทศ</li> <li>เป็นแหล่งเผยแพร่ผลงานของสมาชิกวารสารวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม</li> </ol> <p><strong>ประเภทบทความที่ตีพิมพ์เผยแพร่</strong></p> <ol> <li>รายงานผลการวิจัย (Research report) หรือรายงานการค้นคว้าและการสำรวจด้านวิชาชีพการพยาบาลหรือสหวิชาชีพ อันจะเป็นประโยชน์ต่อวิชาชีพการพยาบาลและการบริการสุขภาพ</li> <li>บทความทางวิชาการ (Articles) ที่เกี่ยวข้องกับวิชาชีพการพยาบาลหรือสหวิชาชีพ ที่มีเนื้อหาทันสมัย นำเสนอองค์ความรู้และข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อวิชาชีพการพยาบาลและการบริการสุขภาพ</li> <li>บทความพิเศษ (Special articles) ประสบการณ์ด้านวิชาชีพการพยาบาลหรือสหวิชาชีพ ประสบการณ์ทางคลินิกพยาบาลหรือสหวิชาชีพ บทวิจารณ์เชิงสร้างสรรค์วิชาชีพพยาบาล บทสัมภาษณ์ทางวิชาชีพการหรือสาขาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง</li> <li>บทความปกิณกะ (Miscellany) หรือนานาสาระ เป็นบทความที่แสดงข้อคิดเห็นสาระสำคัญบางประการที่น่าสนใจและที่เกี่ยวข้องกับวิชาชีพพยาบาล ที่ไม่อาจจัดเข้าประเภทที่ 1-3 ได้บทความที่ได้รับการตีพิมพ์ต้องผ่านการพิจารณากลั่นกรองคุณภาพ จากผู้ทรงคุณวุฒิ (Peer Review) ในสาขาที่เกี่ยวข้อง ผู้ที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับผู้นิพนธ์ และต่างหน่วยงาน/ต่างสถาบัน จำนวน 3 ท่าน โดยผู้ประเมินจะไม่ทราบชื่อผู้นิพนธ์บทความ (Double blind) และได้รับความเห็นชอบจากกองบรรณาธิการ</li> </ol> <p><strong>กระบวนการ</strong><strong> Peer Review Process</strong></p> <p> บทความที่ได้รับการตีพิมพ์ต้องผ่านการพิจารณากลั่นกรองคุณภาพ จากผู้ทรงคุณวุฒิ (Peer Review) ในสาขาที่เกี่ยวข้อง ผู้ที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับผู้นิพนธ์ จำนวน 2 ท่าน <strong>โดยผู้ประเมินจะไม่ทราบชื่อผู้นิพนธ์บทความ (Double blind)</strong> และได้รับความเห็นชอบจากกองบรรณาธิการ</p> <p><strong>กำหนดการออกวารสาร</strong><strong><br /></strong>จัดพิมพ์ปีละ 3 ฉบับ ดังนี้<br /> ฉบับที่ 1 (เดือน มกราคม – เมษายน)<br /> ฉบับที่ 2 (เดือน พฤษภาคม – สิงหาคม)<br /> ฉบับที่ 3 (เดือน กันยายน – ธันวาคม)</p> <p> </p> th-TH phadoongsit@smnc.ac.th (ดร.ผดุงศิษฎ์ ชำนาญบริรักษ์) phadoongsit@smnc.ac.th (ดร.ผดุงศิษฎ์ ชำนาญบริรักษ์) Mon, 13 Oct 2025 09:34:56 +0700 OJS 3.3.0.8 http://blogs.law.harvard.edu/tech/rss 60 การพัฒนารูปแบบการคัดกรองผู้ป่วยวัณโรคปอด โรงพยาบาลนาดูน https://he04.tci-thaijo.org/index.php/AJNHS/article/view/3734 <p>การวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action Research) โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนารูปแบบการคัดกรองผู้ป่วยวัณโรคปอดและศึกษาผลของการพัฒนารูปแบบการคัดกรองผู้ป่วยวัณโรคปอดโรงพยาบาลนาดูน ระยะเวลา ตุลาคม 2566 - กรกฎาคม 2567 กลุ่มตัวอย่างประกอบด้วย บุคลากรทีมสหวิชาชีพ 17 คน และผู้ป่วยที่สงสัยวัณโรคปอด 68 ราย ดำเนินการ 4 ขั้นตอน คือ การวางแผน การปฏิบัติการ การทดลองและติดตามประเมินผล และการสะท้อนผล เครื่องมือวิจัยประกอบด้วย แบบประเมินความรู้ แนวคำถามสัมภาษณ์เชิงลึก และแบบประเมินความพึงพอใจ วิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณด้วยสถิติพรรณนาและ Wilcoxon Signed-Rank Test ข้อมูลเชิงคุณภาพโดยการวิเคราะห์เชิงเนื้อหา</p> <p>&nbsp; ผลการวิจัยการพัฒนารูปแบบการคัดกรองประกอบด้วย 6 แนวทาง ได้แก่ การจัดพยาบาลรับผิดชอบจุดคัดกรอง การจัดพยาบาลรับผิดชอบคลินิกโรคระบบทางเดินหายใจ การจัดการผู้ป่วยไข้ ไอ จาม ให้นั่งรอคัดแยกที่คลินิกโรคทางเดินหายใจ การใช้แบบคัดกรองวัณโรคปอด การส่งช่องทางด่วนสำหรับผู้ป่วยสงสัยวัณโรคปอด และการเพิ่มการสื่อสาร รูปแบบหลังการพัฒนามีความครอบคลุมมากขึ้น ช่วยแยกกลุ่มผู้ป่วยตามระดับความเสี่ยง ลดความแออัดในคลินิกวัณโรค และเพิ่มการตรวจ COVID-19 คะแนนความรู้ของบุคลากรเพิ่มขึ้นจาก 12.53 เป็น 15.71 (P &lt; 0.001) และบุคลากรมีความพึงพอใจต่อระบบคัดกรองในระดับมาก ( <img src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\overline{X}" alt="equation">= 3.97)</p> <p>สรุปผลการพัฒนารูปแบบการคัดกรองผู้ป่วยวัณโรคปอดโดยใช้การวิจัยเชิงปฏิบัติการสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพการคัดกรองได้อย่างมีนัยสำคัญ เพิ่มความรู้ความเข้าใจของบุคลากร และสร้างความพึงพอใจให้กับทั้งผู้ให้และผู้รับบริการ รูปแบบที่พัฒนาขึ้นสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในสถานพยาบาลที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน</p> อักษราพรรณ ภรณ์สุขสมบูรณ์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://he04.tci-thaijo.org/index.php/AJNHS/article/view/3734 Thu, 02 Oct 2025 00:00:00 +0700 ประสิทธิผลของโปรแกรมให้ความรู้ด้านการดูแลสุขภาพตนเองของหญิงตั้งครรภ์ ผ่านระบบบริการสาธารณสุขทางไกล โรงพยาบาลท่าอุเทน จังหวัดนครพนม https://he04.tci-thaijo.org/index.php/AJNHS/article/view/3774 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาประสิทธิผลของโปรแกรมให้ความรู้ด้านการดูแลสุขภาพตนเองของหญิงตั้งครรภ์ ผ่านระบบบริการสาธารณสุขทางไกล โรงพยาบาลท่าอุเทน จังหวัดนครพนม การวิจัยเป็นแบบกึ่งทดลอง (Quasi-Experimental Research) โดยใช้แบบแผนการวิจัยสองกลุ่มวัดก่อนและหลังการทดลอง (Two-Group Pretest-Posttest Design) กลุ่มตัวอย่างคือหญิงตั้งครรภ์ที่มาฝากครรภ์ในโรงพยาบาลท่าอุเทน จังหวัดนครพนม ระหว่างเดือนมีนาคม–กันยายน พ.ศ. 2568 จำนวน 62 คน แบ่งเป็นกลุ่มทดลอง 31 คน และกลุ่มควบคุม 31 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) แบบสอบถามข้อมูลทั่วไป 2) แบบสอบถามการรับรู้ด้านการดูแลสุขภาพของหญิงตั้งครรภ์ 3)โปรแกรมให้ความรู้ด้านการดูแลสุขภาพตนเองของหญิงตั้งครรภ์ ผ่านระบบบริการสาธารณสุขทางไกล การวิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติเชิงอนุมาน Paired Sample t-test และ Independent Sample t-test กำหนดระดับนัยสำคัญทางสถิติไว้ที่ .05</p> <p>ผลการศึกษาพบว่า หลังได้รับโปรแกรม หญิงตั้งครรภ์ในกลุ่มทดลองมีคะแนนเฉลี่ยการรับรู้ด้านการดูแลสุขภาพสูงกว่าก่อนทดลอง และสูงกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p &lt; .05) ในทุกด้าน ได้แก่ ด้านอาหารและการใช้ยา ด้านภาวะแทรกซ้อน และด้านสัญญาณอันตราย โดยหญิงตั้งครรภ์ในกลุ่มทดลองสามารถนำความรู้ไปใช้ในการดูแลสุขภาพได้จริง</p> <p>สรุปได้ว่า โปรแกรมให้ความรู้ด้านการดูแลสุขภาพตนเองของหญิงตั้งครรภ์ ผ่านระบบบริการสาธารณสุขทางไกล มีประสิทธิผลในการเสริมสร้างความรู้ ความตระหนัก และพฤติกรรมการดูแลสุขภาพที่เหมาะสมของหญิงตั้งครรภ์ อีกทั้งสามารถประยุกต์ใช้ในคลินิกฝากครรภ์ของโรงพยาบาลชุมชน เพื่อยกระดับคุณภาพการดูแลสุขภาพแม่และเด็กในระดับพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน</p> สาวิตรี ปวรางกูร ลิขสิทธิ์ (c) 2025 https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://he04.tci-thaijo.org/index.php/AJNHS/article/view/3774 Mon, 13 Oct 2025 00:00:00 +0700 การพยาบาลผู้ป่วยบาดเจ็บไขสันหลังระยะกลางที่มีปัญหาซับซ้อน: กรณีศึกษา 2 ราย https://he04.tci-thaijo.org/index.php/AJNHS/article/view/3850 <p>การบาดเจ็บไขสันหลังส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหว การรับความรู้สึก และการทำงานของระบบประสาทอัตโนมัติ ส่งผลต่อสภาพร่างกาย จิตใจ สังคม และคุณภาพชีวิต การฟื้นฟูระยะกลางเป็นช่วงสำคัญในการฟื้นฟูสมรรถภาพและป้องกันภาวะแทรกซ้อน</p> <p><strong>วัตถุประสงค์</strong>: เพื่อเปรียบเทียบภาวะแทรกซ้อน ผลลัพธ์การฟื้นฟู และผลการพยาบาลผู้ป่วยบาดเจ็บไขสันหลังระยะกลางที่มีระดับการบาดเจ็บต่างกัน กรณีศึกษา 2 ราย</p> <p><strong>วิธีการศึกษา</strong>: เลือกกรณีศึกษาแบบเจาะจง ผู้ป่วยบาดเจ็บไขสันหลังระยะกลาง 2 ราย ที่เข้ารับการรักษาในหอผู้ป่วยเวชกรรมฟื้นฟู โรงพยาบาลมหาสารคาม ระหว่างเดือนมกราคม - กรกฎาคม พ.ศ. 2568 ใช้รูปแบบการวิจัยเชิงคุณภาพแบบกรณีศึกษาเปรียบเทียบ (Comparative Case Study) เครื่องมือที่ใช้ประกอบด้วย แบบบันทึกข้อมูลเวชระเบียนผู้ป่วย ศึกษาประวัติผู้ป่วย การดำเนินการของโรค การรักษาพยาบาล โดยรวบรวมข้อมูลจากเวชระเบียนผู้ป่วย และวิเคราะห์กรณีศึกษาโดยใช้แบบแผน</p> <p>การรับรู้สุขภาพของกอร์ดอน และการดูแลผู้ป่วยโดยใช้กระบวนการพยาบาลและทฤษฎีการพยาบาลของโอเร็ม</p> <p><strong>ผลการศึกษา</strong>: ผู้ป่วยบาดเจ็บระดับสูง (C4-C6) มีภาวะแทรกซ้อนหลายประการ ได้แก่ การกลืนลำบาก กล้ามเนื้อเกร็ง ภาวะประสาทอัตโนมัติตอบสนองผิดปกติ แผลกดทับ การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ ท้องผูก และซึมเศร้า คะแนนดัชนีบาร์เทลเพิ่มจาก 0 เป็น 5 คะแนน แสดงถึงการพึ่งพาในระดับสูง ส่วนผู้ป่วยบาดเจ็บระดับต่ำ (T11-T12) พบภาวะแทรกซ้อนน้อยกว่า คะแนนดัชนีบาร์เทลเพิ่มจาก 20 เป็น 30 คะแนน สะท้อนความสามารถดูแลตนเองบางส่วนและผลการฟื้นฟูที่ดีกว่า ที่ระยะวันนอนรักษา 11 วันเท่ากัน</p> <p><strong>สรุป</strong>: ระดับการบาดเจ็บมีผลโดยตรงต่อความรุนแรงของภาวะแทรกซ้อนและศักยภาพการฟื้นฟู การประเมินแบบองค์รวมและการวางแผนการพยาบาลเฉพาะรายจึงมีความสำคัญในการลดภาวะแทรกซ้อนและส่งเสริมการฟื้นฟู ข้อเสนอแนะคือควรพัฒนาแนวทางการพยาบาลที่สอดคล้องกับระดับการบาดเจ็บและเสริมสร้างศักยภาพผู้ป่วยและครอบครัวเพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตระยะยาว</p> นงเล็ก แก้วมะไฟ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://he04.tci-thaijo.org/index.php/AJNHS/article/view/3850 Sun, 26 Oct 2025 00:00:00 +0700 การพัฒนารูปแบบการดูแลเพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วยที่รับวาร์ฟาริน ในคลินิกวาร์ฟาริน โรงพยาบาลนาเชือก https://he04.tci-thaijo.org/index.php/AJNHS/article/view/3851 <p>การวิจัยเชิงปฏิบัติการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาและประเมินประสิทธิผลของรูปแบบการดูแลเพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วยที่รับวาร์ฟารินในคลินิกวาร์ฟาริน โรงพยาบาลนาเชือก โดยมีกลุ่มตัวอย่างเป็นพยาบาลที่ปฏิบัติงานในคลินิกวาร์ฟาริน จำนวน 13 คน และผู้ป่วยที่มารับบริการ จำนวน 40 คน ซึ่งคัดเลือกแบบเฉพาะเจาะจง การดำเนินการวิจัยแบ่งออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 การเตรียมการ ระยะที่ 2 การพัฒนารูปแบบการดูแล และระยะที่ 3 การประเมินผล รูปแบบที่พัฒนาขึ้นผ่านการตรวจสอบความตรงเชิงเนื้อหาโดยผู้ทรงคุณวุฒิ 4 ท่าน ได้ค่าความตรงเชิงเนื้อหา (IOC) เท่ากับ 0.92 และค่าความเที่ยงจากการทดลองใช้เท่ากับ 0.85 การรวบรวมข้อมูลดำเนินระหว่างเดือนธันวาคม 2567 ถึงสิงหาคม 2568 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน</p> <p><strong>ผลการวิจัย</strong>: พบว่ารูปแบบการดูแลประกอบด้วย 4 หมวดหลัก พยาบาลมีความพึงพอใจต่อการใช้รูปแบบในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.95 (SD = 0.07) เช่นเดียวกับผู้ป่วยที่มีความพึงพอใจในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.95 (SD = 0.037) ผลลัพธ์ของการใช้รูปแบบการดูแล พบว่า ผู้ป่วยมีความเข้าใจในการดูแลตนเองเพิ่มขึ้น ร้อยละ 34.34 และมีแนวโน้มของการลดภาวะแทรกซ้อนจากยา warfarin ลดลงจากร้อยละ 4.50 ในปี 2565 เหลือเพียงร้อยละ 0.65 ในปี 2568</p> <p><strong>สรุปผลการศึกษา:</strong> รูปแบบการดูแลที่พัฒนาขึ้นสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลผู้ป่วย เพิ่มความเข้าใจในการดูแลตนเอง ลดภาวะแทรกซ้อนจากยา warfarin และพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้ป่วยได้อย่างมีนัยสำคัญ</p> พิชญ์ณัฐฏ์ ไชยรัตน์; สุปิยา ชัยพิสุทธิ์สกุล ลิขสิทธิ์ (c) 2025 https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://he04.tci-thaijo.org/index.php/AJNHS/article/view/3851 Sun, 26 Oct 2025 00:00:00 +0700 การพัฒนาแนวทางการใช้บริการห้องปฏิบัติการอย่างคุ้มค่าในโรงพยาบาลนาดูน จังหวัดมหาสารคาม https://he04.tci-thaijo.org/index.php/AJNHS/article/view/3852 <p>การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action Research) มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาแนวทางการใช้บริการห้องปฏิบัติการอย่างคุ้มค่าในการตรวจ Hemoglobin A1c (HbA1c) ของผู้ป่วยเบาหวานในโรงพยาบาลนาดูน จังหวัดมหาสารคาม เพื่อลดอัตราการตรวจซ้ำภายใน 90 วัน และประเมินผลการใช้แนวทางการใช้บริการห้องปฏิบัติการอย่างคุ้มค่าในการตรวจ Hemoglobin A1c (HbA1c) ของผู้ป่วยเบาหวาน ระหว่างเดือนตุลาคม 2566 ถึงกันยายน 2567 กลุ่มตัวอย่างประกอบด้วยผู้ป่วยเบาหวาน 1,910 ราย และทีมสหวิชาชีพ 16 คน คัดเลือกแบบเจาะจง ดำเนินการตามขั้นตอนการวิจัยแบ่งออกเป็น 4 ขั้นตอน ได้แก่ การวางแผน การปฏิบัติ การสังเกต และการสะท้อนผล แนวทางที่พัฒนาขึ้นประกอบด้วย (1)แนวทางการสั่งตรวจ HbA1c ตามข้อบ่งชี้ทางคลินิก (2)ระบบเตือนความจำอิเล็กทรอนิกส์ในโปรแกรม HOSxP (3)การอบรมทีมสหวิชาชีพ (4)การให้ความรู้ผู้ป่วย และ(5)ระบบติดตามและประเมินผล เครื่องมือที่ใช้ประกอบด้วย แบบบันทึกข้อมูลการตรวจ HbA1c แนวทางการใช้บริการห้องปฏิบัติการ แบบทดสอบความรู้ และแบบประเมินความพึงพอใจ</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า อัตราการตรวจ HbA1c ซ้ำภายใน 90 วันลดลงจากร้อยละ 5.08 ในปี 2566 เป็นร้อยละ 0.37 ในปี 2567 (p &lt; 0.001) คะแนนความรู้เฉลี่ยของทีมสหวิชาชีพเพิ่มจาก 6.25 ± 1.18 เป็น 9.31 ± 0.70 ทันทีหลังอบรม (p &lt; 0.001) และคงอยู่ในระดับสูง (9.06 ± 0.77) หลัง 6 เดือน ผู้ป่วยมีความพึงพอใจในระดับดีมาก (คะแนนเฉลี่ย 4.58 ± 0.44) ผลการวิจัยแสดงว่าแนวทางที่พัฒนาขึ้นมีประสิทธิผลในการลดการตรวจซ้ำที่ไม่จำเป็น เพิ่มความรู้ของทีมสหวิชาชีพ และเพิ่มความพึงพอใจของผู้ป่วย ส่งผลให้เกิดการใช้ทรัพยากรทางการแพทย์อย่างคุ้มค่าและยั่งยืน</p> พรทิวา ไชยสงคราม; อุมารินทร์ ภาระจ่า ลิขสิทธิ์ (c) 2025 https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://he04.tci-thaijo.org/index.php/AJNHS/article/view/3852 Sun, 26 Oct 2025 00:00:00 +0700 บทบรรณาธิการ https://he04.tci-thaijo.org/index.php/AJNHS/article/view/3773 ผดุงศิษฏ์ ชำนาญบริรักษ์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://he04.tci-thaijo.org/index.php/AJNHS/article/view/3773 Mon, 13 Oct 2025 00:00:00 +0700