วารสารนวัตกรรมสุขภาพและความปลอดภัย https://he04.tci-thaijo.org/index.php/JHIS <p><strong>เกี่ยวกับวารสาร</strong><br />เป็นวารสารวิชาการ บริหารจัดการโดยกองบรรณาธิการรวารสารนวัตกรรมสุขภาพและความปลอดภัย เป็นแหล่งเผยแพร่ความรู้บทความจากงานวิจัยและบทความเชิงวิชาการทางด้านวิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์สุขภาพ อาชีวอนามัยและความปลอดภัย สิ่งแวดล้อม การสาธารณสุข นวัตกรรมสุขภาพ การแพทย์ การพยาบาล และการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์สุขภาพ บทความต่าง ๆ ที่ตีพิมพ์เผยแพร่ต้องผ่านการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิ (Peer Review)</p> th-TH <p>1. บทความหรือข้อคิดเห็นใด ๆ ที่ปรากฏในวารสารนวัตกรรมสุขภาพและความปลอดภัย ที่เป็นวรรณกรรมของผู้เขียน บรรณาธิการ ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย</p> <p>2. บทความที่ได้รับการตีพิมพ์ถือเป็นลิขสิทธิ์ของ วารสารนวัตกรรมสุขภาพและความปลอดภัย</p> Jhis@phcsuphan.ac.th (อาจารย์ ดร. นพดล ทองอร่าม) Jhis@phcsuphan.ac.th (Dr.Nopadol Thongaram) Thu, 30 Jan 2025 13:37:10 +0700 OJS 3.3.0.8 http://blogs.law.harvard.edu/tech/rss 60 คุณภาพบริการของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ตามการรับรู้ของผู้รับบริการ ในเขตอำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี https://he04.tci-thaijo.org/index.php/JHIS/article/view/2463 <p>การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงสำรวจแบบภาคตัดขวาง เพื่อศึกษาคุณภาพบริการของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ตามการรับรู้ของผู้รับบริการ ในเขตอำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี และปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับคุณภาพบริการของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ตามการรับรู้ของผู้รับบริการ ในเขตอำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี กลุ่มตัวอย่างคือ ประชาชนที่มารับบริการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพในเขตอำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี จำนวน 211 คน สุ่มตัวอย่างโดยวิธีการสุ่มแบบชั้นภูมิ เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม ประกอบด้วยข้อมูลทั่วไปของผู้รับบริการ ทัศนคติต่อการบริการของผู้รับบริการ ความคาดหวังต่อผลลัพธ์การบริการของผู้รับบริการ และคุณภาพการบริการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ตามการรับรู้ของผู้รับบริการ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์ไคสแควร์ และสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน</p> <p>ผลการศึกษาพบว่า คุณภาพบริการของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ในภาพรวมอยู่ใน<br />ระดับมาก คิดเป็นร้อยละ 91.47 รองลงมาระดับปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 7.58 ส่วนปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับคุณภาพบริการของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p-value &lt; 0.05) ได้แก่ ปัจจัยส่วนบุคคลด้านอายุ ทัศนคติต่อการบริการของผู้รับบริการ และความคาดหวัง<br />ต่อผลลัพธ์การบริการของผู้รับบริการ ผลการศึกษาครั้งนี้ เสนอแนะให้โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลควรมีการส่งเสริมคุณภาพบริการของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลให้มากขึ้น ได้แก่ การจัดให้<br />มีสิ่งอำนวยความสะดวกเพียงพอ มีเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัย เจ้าหน้าที่มีทักษะ<br />การให้บริการที่ดี และมีการสอบถามถึงความต้องการ เข้าใจถึงความแตกต่างของผู้รับบริการ</p> ภาณุพงศ์ ศรีผุดผ่อง Copyright (c) 2025 วารสารนวัตกรรมสุขภาพและความปลอดภัย https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://he04.tci-thaijo.org/index.php/JHIS/article/view/2463 Thu, 30 Jan 2025 00:00:00 +0700 ผลการให้ข้อมูลอย่างมีแบบแผนต่อความรู้และการปฏิบัติตัวของผู้ดูแลผู้ป่วยเด็ก โรคปอดบวมที่มารับการรักษาที่หอผู้ป่วยกุมารเวชกรรม 1 โรงพยาบาลสงขลา https://he04.tci-thaijo.org/index.php/JHIS/article/view/2498 <p>การวิจัยแบบกึ่งทดลองแบบหนึ่งกลุ่มวัดหลังการทดลองมีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบคะแนนความรู้และการปฏิบัติตัวของผู้ดูแลในการดูแลผู้ป่วยโรคปอดบวมก่อนและหลังการทดลอง กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้ดูแลของเด็กที่ป่วยด้วยโรคปอดบวมที่เข้ารับการรักษาในหอผู้ป่วยกุมารเวชกรรม 1 โรงพยาบาลสงขลา จำนวน 34 คน คำนวณโดยใช้โปรแกรม G* Power และใช้วิธีสุ่มแบบเจาะจงเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แนวทางการให้ข้อมูลอย่างมีแบบแผนแบบวัดความรู้และการปฏิบัติตัวของผู้ดูแล วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนาสถิติ Wilcoxon signed ranks testและ Dependent t test ผลการวิจัยพบว่า (1) หลังให้ข้อมูลคะแนนเฉลี่ยความรู้ในการดูแลผู้ป่วยที่ป่วยด้วยโรคปอดบวม (M = 8.65, SD = 0.98) สูงกว่าก่อนให้ข้อมูล (M = 6.15, SD = 1.31) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .001 และ (2) หลังให้ข้อมูลคะแนนเฉลี่ยการปฏิบัติตัวในการดูแลผู้ป่วยที่ป่วยด้วยโรคปอดบวม (M = 2.81, SD = 0.12) สูงกว่าก่อนให้ข้อมูล (M = 2.10, SD = 0.33) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .001 พยาบาลวิชาชีพควรนำแนวทางการให้ข้อมูลอย่างมีแบบแผนไปปรับใช้โดยจัดทำเป็นสื่อวิดีทัศน์เพื่อให้ผู้ป่วยผู้ดูแล ญาติได้นำไปปฏิบัติตลอดจนขยายผลไปยังคลินิกแผนกผู้ป่วยนอกโดยการให้ความรู้เชิงรุก การแลกเปลี่ยนรู้ และการใช้สถานการณ์มาเป็นตัวอย่างในการให้ความรู้</p> อารม ฤทธิเดช, กิตติพร เนาว์สุวรรณ Copyright (c) 2025 วารสารนวัตกรรมสุขภาพและความปลอดภัย https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://he04.tci-thaijo.org/index.php/JHIS/article/view/2498 Thu, 30 Jan 2025 00:00:00 +0700