วารสารนวัตกรรมสุขภาพและความปลอดภัย https://he04.tci-thaijo.org/index.php/JHIS <p><strong>เกี่ยวกับวารสาร</strong><br />เป็นวารสารวิชาการ บริหารจัดการโดยกองบรรณาธิการรวารสารนวัตกรรมสุขภาพและความปลอดภัย เป็นแหล่งเผยแพร่ความรู้บทความจากงานวิจัยและบทความเชิงวิชาการทางด้านวิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์สุขภาพ การสาธารณสุข นวัตกรรมสุขภาพ การแพทย์ การพยาบาล อาชีวอนามัยและความปลอดภัย สิ่งแวดล้อมและการจัดการสิ่งแวดล้อม นิเวศวิทยา และการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์สุขภาพ สิ่งแวดล้อม และความปลอดภัย บทความต่าง ๆ ที่ตีพิมพ์เผยแพร่ต้องผ่านการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิ (Peer Review)</p> th-TH <p>1. บทความหรือข้อคิดเห็นใด ๆ ที่ปรากฏในวารสารนวัตกรรมสุขภาพและความปลอดภัย ที่เป็นวรรณกรรมของผู้เขียน บรรณาธิการ ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย</p> <p>2. บทความที่ได้รับการตีพิมพ์ถือเป็นลิขสิทธิ์ของ วารสารนวัตกรรมสุขภาพและความปลอดภัย</p> Jhis@phcsuphan.ac.th (อาจารย์ ดร. นพดล ทองอร่าม) Jhis@phcsuphan.ac.th (Dr.Nopadol Thongaram) Wed, 15 Oct 2025 16:26:37 +0700 OJS 3.3.0.8 http://blogs.law.harvard.edu/tech/rss 60 การพัฒนารูปแบบการลดพฤติกรรม การสัมผัสสารเคมีกำจัดศัตรูพืชโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน ในเกษตรกร ที่ปลูกต้นหอม ตำบลดงขวางอำเภอเมือง จังหวัดนครพนม https://he04.tci-thaijo.org/index.php/JHIS/article/view/2898 <p>การศึกษานี้เป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการ เพื่อพัฒนาและศึกษาผลการใช้รูปแบบการลดพฤติกรรม การสัมผัสสารเคมีกำจัดศัตรูพืชโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน ในเกษตรกร ที่ปลูกต้นหอม ตำบลดงขวางอำเภอเมือง <br />จังหวัดนครพนม ทำการสำรวจสภาพปัญหาในการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชในกลุ่มตัวอย่างจำนวน 90 คน ที่มีผลเจาะเลือดหาระดับโคลีนเอสเตอเรส ในปี 2566 อยู่ในระดับเสี่ยงและไม่ปลอดภัย เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูล ประกอบด้วย แบบสอบถาม และการสนทนากลุ่ม กิจกรรมการมีส่วนร่วมของชุมชน ได้แก่ การวิเคราะห์หาสาเหตุของปัญหา วางแผนแก้ไขปัญหา ดำเนินการแก้ไขปัญหา การติดตามและประเมินผล โดยการอบรมให้ความรู้ สาธิตและฝึกปฏิบัติวิธีการใช้อุปกรณ์ป้องกันอันตราย การรณรงค์ลดการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช ให้ความรู้ผ่านทางเสียงตามสาย จัดทำแปลงสาธิตเกษตรอินทรีย์ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา และสถิติเชิงอนุมาน เปรียบเทียบความแตกต่างของคะแนนเฉลี่ยด้านความรู้ และการปฏิบัติตัวของเกษตรกรที่ปลูกต้นหอม ก่อนและหลังดำเนินการ โดยสถิติทดสอบ Paired t-test </p> <p>ผลการศึกษาพบว่า เกษตรกรมีคะแนนเฉลี่ยของความรู้เกี่ยวกับสารกำจัดศัตรูพืชสูงกว่าก่อนดำเนินการ เท่ากับ 2.27 คะแนน (95%CI : 15.83 – 16.40) (p-value &lt; 0.001) การปฏิบัติเกี่ยวกับการใช้สารกำจัดศัตรูพืชสูงกว่าก่อนดำเนินการเท่ากับ 0.10 คะแนน (95%CI 2.10 – 2.15) (p-value &lt; 0.001) </p> <p>รูปแบบการลดพฤติกรรมการสัมผัสสารเคมีกำจัดศัตรูพืช โดยการมีส่วนร่วมของชุมชน มีการวิเคราะห์ปัญหาร่วมกันระหว่างเกษตรกรและผู้นำชุมชน ผ่านการสนทนากลุ่ม ระดมความคิดเห็น แลกเปลี่ยนประสบการณ์ สามารถพัฒนารูปแบบได้ดังนี้ 1) มีรูปแบบที่ชัดเจน และมีความตระหนักร่วมกัน 2) มีแผนงานโครงการ สำหรับการทำงานร่วมกันระหว่างเกษตรกรและผู้นำชุมชน ผู้รับผิดชอบชัดเจน 3) สามารถแก้ไขปัญหาและลดพฤติกรรมการสัมผัสสารเคมีกำจัดศัตรูพืชได้อย่างครอบคลุม</p> ณัฐนันท์ สูตรสุวรรณ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารนวัตกรรมสุขภาพและความปลอดภัย https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://he04.tci-thaijo.org/index.php/JHIS/article/view/2898 Wed, 15 Oct 2025 00:00:00 +0700 ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการเสียชีวิตจากการประสบอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ เขตสุขภาพที่ 5 ปี 2564 - 2566 https://he04.tci-thaijo.org/index.php/JHIS/article/view/3108 <p>อุบัติเหตุรถจักรยานยนต์เป็นสาเหตุสำคัญของการบาดเจ็บและเสียชีวิตในประชาชนคนไทยและทั่วโลก การวิจัยเชิงวิเคราะห์ในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการเสียชีวิตจากการประสบอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ ที่เข้ารับการรักษาในแผนกห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลในเขตสุขภาพที่ 5จำนวน 15 แห่ง และมีการบันทึกข้อมูลในระบบเฝ้าระวังการบาดเจ็บ (Injury Surveillance: IS) ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2564 – 31 ธันวาคม 2566 จำนวน 69,236 คน วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนาและสถิติเชิงอนุมานด้วยการวิเคราะห์ถดถอย <br />โลจิสติกพหุคูณ (Multiple Logistic Regression) นำเสนอผลค่า Adjusted Odds Ratio (ORadj) และ 95%CI</p> <p>ผลการศึกษา พบว่า ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์การเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์อย่างมีนัยสำคัญ<br />ทางสถิติ (<em>p-value &lt;</em>0.05) ได้แก่ เพศ (ORadj = 1.92, 95%CI 1.55 – 2.39) อายุ (ORadj = 1.02, 95%CI <br />1.02 – 1.03) ผู้ที่มีศักยภาพในการทำงานแต่ไม่ได้ทำงาน (ORadj = 1.76, 95%CI 1.12 – 2.78) อาชีพใช้แรงงาน <br />(ORadj = 1.52, 95%CI 1.03 – 2.25) วันหยุดสุดสัปดาห์ (ORadj = 1.36, 95%CI 1.11 – 1.67) การไม่สวมหมวกนิรภัย (ORadj = 2.74, 95%CI 1.78 – 4.23) เวลากลางคืน (ORadj = 1.46, 95%CI 1.25 – 1.70) ลักษณะของอุบัติเหตุจากการโดนชน (ORadj = 2.52, 95%CI 2.11 – 3.00) การนำส่งโรงพยาบาลโดยรถพยาบาล <br />(ORadj = 6.90, 95%CI 5.39 – 8.83) ข้อเสนอแนะจากการศึกษานี้ ได้แก่ 1) ส่งเสริมการสวมหมวกนิรภัยอย่างจริงจัง 2) ควบคุมความปลอดภัยบนถนนในช่วงกลางคืนและวันหยุดสุดสัปดาห์และกลุ่มอาชีพผู้ใช้แรงงาน <br />3) เตรียมพร้อมระบบการแพทย์ฉุกเฉิน 4) วิเคราะห์และเฝ้าระวังอุบัติเหตุจากการชนกัน 5) บังคับใช้กฎหมายจราจรอย่างเข้มงวด และ 6) บูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง</p> สิรวิชญ์ จันเทวา, ธัญญลักษณ์ ทองตระกูล, ทรรศวรรณ ห้วยหงษ์ทอง ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารนวัตกรรมสุขภาพและความปลอดภัย https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://he04.tci-thaijo.org/index.php/JHIS/article/view/3108 Thu, 30 Oct 2025 00:00:00 +0700