วารสารโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา
https://he04.tci-thaijo.org/index.php/PPHJ
<p><strong>วารสารโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา (Phaholpolpayuhasena Hospital Journal: PPHJ)</strong> หรือชื่อเดิมคือ กาญจนบุรีเวชสาร (Kanchanaburi Medical Journal) เผยแพร่ผลงานวิชาการด้านการแพทย์ พยาบาล และสาธารณสุขให้แก่ผู้ที่ต้องการศึกษาค้นคว้าและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง</p> <p><strong>กำหนดเผยแพร่ทุก 4 เดือน ดังนี้</strong></p> <p>ฉบับที่ 1 มกราคม - เมษายน <em><strong>(ปิดรับผลงาน สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ หรือ จำนวนเต็ม) เผยแพร่แล้ว</strong></em></p> <p>ฉบับที่ 2 พฤษภาคม - สิงหาคม <strong><em>(ปิดรับผลงาน สิ้นเดือนมิถุนายน หรือ จำนวนเต็ม) เผยแพร่แล้ว</em></strong></p> <p>ฉบับที่ 3 กันยายน - ธันวาคม <strong><em>(ปิดรับผลงาน สิ้นเดือนตุลาคม หรือ จำนวนเต็ม) จำนวนเรื่องเต็ม </em> </strong> </p>
โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา
th-TH
วารสารโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา
3057-0026
<p>บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา</p> <p>ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนาและบุคลากรท่านอื่น ๆ ในโรงพยาบาลฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใด ๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเอง</p>
-
การอักเสบติดเชื้อในช่องเยื่อหุ้มคอชั้นลึก ของผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา
https://he04.tci-thaijo.org/index.php/PPHJ/article/view/3186
<p><strong>วัตถุประสงค์</strong><strong>: </strong>เพื่อศึกษาลักษณะทางระบาดวิทยา ลักษณะทางคลินิก เชื้อแบคทีเรียก่อโรค และวิธีการรักษาและผลการรักษาของผู้ป่วยที่มีการอักเสบติดเชื้อในช่องเยื่อหุ้มคอชั้นลึกของผู้ป่วยที่นอนโรงพยาบาลแผนกโสต ศอ นาสิก โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา</p> <p><strong>วิธีการวิจัย:</strong> เป็นการศึกษาเชิงพรรณนาแบบย้อนหลังในผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยการอักเสบติดเชื้อในช่องเยื่อหุ้มคอชั้นลึกที่เข้ารับการรักษาในแผนกโสต ศอ นาสิก โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2564 ถึง 30 กันยายน 2567 เก็บข้อมูลด้วยแบบเก็บข้อมูลผู้ป่วย วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา</p> <p><strong>ผลการวิจัย:</strong> จากการศึกษาผู้ป่วย 193 ราย พบว่าส่วนมากเป็นเพศชาย (ร้อยละ 60.1) อายุเฉลี่ย 43.1 ปี (SD =20.9) อาชีพรับจ้างทั่วไป (ร้อยละ 33.2) อาการสำคัญที่มาโรงพยาบาล ได้แก่ คางบวมปวด (ร้อยละ 44.0) รองลงมาคือเจ็บคอกลืนลำบาก (ร้อยละ 29.0) มีฟันผุ (ร้อยละ 49.2) เมื่อเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ไม่พบตำแหน่งที่เป็น (ร้อยละ 52.8) ตำแหน่งที่พบการติดเชื้อมากที่สุดคือ submandibular space (ร้อยละ 38.3) รองลงมาคือ peritonsillar space (ร้อยละ 20.7) เชื้อแบคทีเรียก่อโรคที่พบมากที่สุดคือ <em>Klebsiella pneumoniae</em> (ร้อยละ 7.6) รองลงมาคือ <em>Staphylococcus aureus </em>(ร้อยละ 4.8) วิธีการรักษาและผลการรักษาส่วนมากใช้ยาปฏิชีวนะร่วมกับการผ่าตัดระบายหนอง (ร้อยละ 60.0) ระยะเวลานอนโรงพยาบาลเฉลี่ย 7.7 วัน (SD=6.9) อัตราการเสียชีวิต (ร้อยละ 0.5)</p> <p><strong>สรุปผล:</strong> ผู้ป่วยอักเสบติดเชื้อในช่องเยื่อหุ้มคอชั้นลึกที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา สาเหตุส่วนใหญ่มาจากการติดเชื้อที่เกิดจากฟัน ส่วนมากติดเชื้อบริเวณ submandibular space โดยเชื้อก่อโรคหลัก คือเชื้อในช่องปาก การวินิจฉัยและรักษาที่ถูกต้อง รวดเร็ว ช่วยลดภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายแก่ชีวิตได้</p>
อมร เพ็ชรดาชัย
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-09-11
2025-09-11
13 3
1
12
-
การศึกษาหาสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะแพ้ชนิดรุนแรงเฉียบพลันและปัจจัยที่ส่งผลต่อความรุนแรงของอาการในผู้ป่วยเด็กโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา
https://he04.tci-thaijo.org/index.php/PPHJ/article/view/3281
<p><strong>วัตถุประสงค์:</strong> เพื่อศึกษาสาเหตุของการเกิดภาวะแพ้ชนิดรุนแรงเฉียบพลัน และปัจจัยทางคลินิกที่เกี่ยวข้องกับความรุนแรงของอาการในผู้ป่วยเด็กที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา จังหวัดกาญจนบุรี</p> <p><strong>วิธีการศึกษา:</strong> การศึกษาภาคตัดขวางเชิงวิเคราะห์ในผู้ป่วยเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปี ที่ได้รับการวินิจฉัยภาวะแพ้ ชนิดรุนแรงระหว่างเดือนมกราคม 2561 ถึงธันวาคม 2566 โดยรวบรวมข้อมูลด้านประชากรศาสตร์ อาการแสดง สาเหตุ การรักษา และผลลัพธ์ของผู้ป่วย การประเมินความรุนแรงของอาการใช้เกณฑ์ CoFAR grading และวิเคราะห์ปัจจัยทางคลินิกที่เกี่ยวข้องกับความรุนแรงของอาการโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา และการวิเคราะห์ถดถอยโลจิสติก</p> <p><strong>ผลการศึกษา:</strong> ผู้ป่วยจำนวน 136 ราย ส่วนใหญ่อยู่ในช่วงอายุ 5–15 ปี สาเหตุที่พบมากที่สุดคืออาหาร (ร้อยละ 56.7) เช่น อาหารทะเล นมวัวรองลงมาคือแมลง (ร้อยละ 19.1) และไม่ทราบสาเหตุ (ร้อยละ 16.2) อาการแสดง ที่พบบ่อย ได้แก่ อาการทางผิวหนัง (ร้อยละ 96.3) อาการทางระบบหายใจ (ร้อยละ 76.5) และอาการทางระบบทางเดินอาหาร (ร้อยละ 37.5) ผู้ป่วยจำนวน 127 ราย (ร้อยละ 93.4) ได้รับยาอะดรีนาลีนภายใน 10 นาทีหลังถึงโรงพยาบาล ปัจจัยที่อาจเกี่ยวข้องกับความรุนแรงของอาการ ได้แก่ เพศชาย การมีโรคประจำตัว อาการทางระบบหายใจ และร้อยละเม็ดเลือดขาวชนิดอีโอซิโนฟิลในเลือดที่สูง แต่ไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ (p>0.05)</p> <p><strong>สรุป:</strong> อาหารเป็นสาเหตุสำคัญของภาวะแพ้รุนแรงในเด็ก โดยเฉพาะในกลุ่มอายุ 5–15 ปี อาการที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจและการมีโรคประจำตัวอาจสัมพันธ์กับความรุนแรงของอาการ การให้การรักษาอย่างทันท่วงที โดยเฉพาะการให้ยาอะดรีนาลีน มีบทบาทสำคัญในการลดความรุนแรงและป้องกันภาวะแทรกซ้อน</p>
มุขเรขา ตั้งกิตติสุวรรณ์
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-09-19
2025-09-19
13 3
13
25
-
การวิเคราะห์การประมาณการต้นทุนตามกิจกรรมการพยาบาลการให้ยาเคมีบำบัดสำหรับผู้ป่วยมะเร็งเต้านมในโรงพยาบาลตติยภูมิแห่งหนึ่ง
https://he04.tci-thaijo.org/index.php/PPHJ/article/view/3369
<p><strong>วัตถุประสงค์:</strong> เพื่อศึกษาต้นทุนตามกิจกรรมการพยาบาลการให้ยาเคมีบำบัดสำหรับผู้ป่วยมะเร็งเต้านม ในโรงพยาบาลตติยภูมิแห่งหนึ่งในมุมมองของผู้ให้บริการ</p> <p><strong>วิธีการวิจัย: </strong>เป็นการวิจัยเชิงพรรณนา ประชากรคือรายงานต้นทุนของบุคลากรทางการพยาบาล 9 คน กลุ่มตัวอย่าง คือผู้รับบริการ 30 ราย เลือกตัวอย่างแบบเจาะจง เครื่องมือวิจัยประกอบด้วย 1) แบบบันทึกข้อมูลต้นทุนต่อหน่วยบริการ 2) พจนานุกรมกิจกรรมการพยาบาล 3) แบบบันทึกข้อมูลต้นทุนกิจกรรมการพยาบาล โดยมีค่าดัชนีความตรงเชิงเนื้อหา 0.96 และค่าความเที่ยงของการสังเกตเท่ากับ 1.0 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา</p> <p><strong>ผลการวิจัย:</strong> ต้นทุนรวมของกิจกรรมการพยาบาลเท่ากับ 54,460.08 บาท โดยกิจกรรมระยะขณะให้ยาเคมีบำบัดมีต้นทุนสูงสุด 45,038.23 บาท (ร้อยละ 81.45) รองลงมาคือระยะก่อนให้ยา 4,610.53 บาท (ร้อยละ 8.39) และกิจกรรมการบริหารจัดการและงานสนับสนุนต่ำสุด 956.46 บาท (ร้อยละ 3.17) องค์ประกอบของต้นทุนสูงสุดคือ ค่าวัสดุมี เท่ากับ 29,162.60 บาท (ร้อยละ 52.84) รองลงมาคือต้นทุนค่าแรงเท่ากับ 25,215.04 บาท (ร้อยละ 45.69) และต้นทุนปันส่วน เท่ากับ 96.04 บาท (ร้อยละ 1.47) และต้นทุนกิจกรรมต่อรายรวม 1,815.34 บาท</p> <p><strong>สรุปผล:</strong> การนำวิธีวิเคราะห์ต้นทุนกิจกรรมมาใช้สำหรับการบริหารต้นทุนสำหรับผู้ป่วยที่มีต้นทุนสูงสำหรับผู้ป่วยมะเร็งที่ให้ยาเคมีบำบัดมีความจำเป็นและสำคัญที่จะทำให้ได้หลักฐานเชิงประจักษ์ด้านต้นทุนและเวลาเพื่อสามารถนำไปควบคุมต้นทุนงบประมาณที่มีจำกัดและบริหารเวลาการทำงานให้มีประสิทธิภาพสำหรับการบริหารทางการพยาบาล</p>
สุทธิรักษ์ แย้มวัน
เพชรน้อย สิงห์ช่างชัย
กรรณิการ์ ฉัตรดอกไม้ไพร
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-09-26
2025-09-26
13 3
26
37