วารสารโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา https://he04.tci-thaijo.org/index.php/PPHJ <p>วารสารโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา (Phaholpolpayuhasena Hospital Journal: PPHJ) หรือชื่อเดิมคือ กาญจนบุรีเวชสาร (Kanchanaburi Medical Journal) เผยแพร่ผลงานวิชาการด้านการแพทย์ พยาบาล และสาธารณสุขให้แก่ผู้ที่ต้องการศึกษาค้นคว้าและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง</p> โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา th-TH วารสารโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา 3057-0026 <p>บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา</p> <p>ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนาและบุคลากรท่านอื่น ๆ ในโรงพยาบาลฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใด ๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเอง</p> ความสัมพันธ์ระหว่างแรงจูงใจในการสร้างเสริมสุขภาพกับการออกกำลังกาย ของ อสม. ตำบลท่ามะขาม อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี https://he04.tci-thaijo.org/index.php/PPHJ/article/view/2603 <p><strong>วัตถุประสงค์</strong><strong>: </strong>เพื่อศึกษาแรงจูงใจในการสร้างเสริมสุขภาพการออกกำลังกายและความสัมพันธ์ระหว่างแรงจูงใจในการสร้างเสริมสุขภาพกับการออกกำลังกายของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ตำบลท่ามะขาม อำเภอเมืองจังหวัดกาญจนบุรี</p> <p><strong>วิธีการวิจัย</strong><strong>: </strong>เป็นการศึกษาภาคตัดขวางเชิงวิเคราะห์ ประชากรเป็น อสม. ตำบลท่ามะขาม อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ที่ยังปฏิบัติงาน ณ เดือนกรกฎาคม 2566 จำนวน 188 คน และเก็บข้อมูลทั้งหมดเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยแบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติพรรณนาและค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน</p> <p><strong>ผลการวิจัย</strong><strong>: </strong>อสม. ส่วนใหญ่มีแรงจูงใจในการสร้างเสริมสุขภาพโดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง (ร้อยละ 75.5)ส่วนใหญ่ออกกำลังกายไม่ครบ (ร้อยละ 38.3) และไม่ออกกำลังกายเลย (ร้อยละ 30.3) แรงจูงใจในการสร้างเสริมสุขภาพมีความสัมพันธ์เชิงบวกกับการออกกำลังกายอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (r=0.173, p-value=0.022) และเมื่อแยกรายองค์ประกอบพบว่า ความคาดหวังในผลลัพธ์ และความคาดหวังความสามารถมีความสัมพันธ์เชิงบวกกับการออกกำลังกายอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (r=0.238, 0.162; p-value=0.001, 0.032 ตามลำดับ)</p> <p><strong>สรุปผล: </strong>ความสัมพันธ์ระหว่างแรงจูงใจในการสร้างเสริมสุขภาพกับการออกกำลังกายของ อสม. พบว่ามีความสัมพันธ์กัน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลควรส่งเสริมให้ อสม. ออกกำลังกาย โดยเพิ่มความคาดหวังความสามารถ และความคาดหวังในผลลัพธ์ของการออกกำลังกายให้มากยิ่งขึ้น</p> สุนทร หงษ์ทอง Copyright (c) 2025 โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-02-21 2025-02-21 13 1 1 12 ผลของการพยาบาลระบบสนับสนุนและให้ความรู้ต่อพฤติกรรมการส่งเสริมสุขภาพดีของผู้สูงอายุ https://he04.tci-thaijo.org/index.php/PPHJ/article/view/2777 <p><strong>วัตถุประสงค์</strong><strong>:</strong> 1) เพื่อเปรียบเทียบการปฏิบัติกิจวัตรประจำวันและพฤติกรรมการส่งเสริมสุขภาพดีของกลุ่มตัวอย่าง ระยะก่อนทดลองและหลังทดลอง ภายในกลุ่มเปรียบเทียบและกลุ่มทดลอง 2) เพื่อเปรียบเทียบการปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน และพฤติกรรมการส่งเสริมสุขภาพดีของกลุ่มตัวอย่าง ระยะหลังทดลอง ระหว่างกลุ่มเปรียบเทียบและกลุ่มทดลอง</p> <p><strong>วิธีการวิจัย:</strong> เป็นการวิจัยกึ่งทดลองแบบสองกลุ่มทดสอบก่อนหลัง กลุ่มตัวอย่างคือ ผู้สูงอายุอายุระหว่าง 60-79 ปี อาศัยอยู่ในเขตพื้นที่ของศูนย์สุขภาพชุมชนเมืองเทศบาลเมืองกาญจนบุรี จำนวน 60 คน แบ่งเป็นกลุ่มเปรียบเทียบและกลุ่มทดลองกลุ่มละ 30 คน คัดเลือกตัวอย่างแบบเจาะจง เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา การทดสอบไคสแควร์ และการทดสอบค่าที</p> <p><strong>ผลการวิจัย:</strong> กลุ่มทดลองมีคะแนนเฉลี่ยการปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน สูงกว่าก่อนทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (19.83+0.59 และ 13.03+1.03; p-value &lt;0.001) และหลังการทดลองมีค่าสูงกว่ากลุ่มเปรียบเทียบอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (19.83+0.59 และ 19.40+1.77; p–value &lt;0.001) เช่นเดียวกับคะแนนเฉลี่ยพฤติกรรมการส่งเสริมสุขภาพดี สูงกว่าก่อนทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (13.83+0.75 และ 8.87+1.85; p–value &lt; 0.001) และหลังการทดลองสูงกว่ากลุ่มเปรียบเทียบอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (13.83+0.75 และ 10.27+1.84; p–value &lt;0.001)</p> <p><strong>สรุปผล:</strong> การพยาบาลระบบสนับสนุนและให้ความรู้ต่อพฤติกรรมการส่งเสริมสุขภาพดีของผู้สูงอายุ มีส่วนช่วยให้ผู้สูงอายุดำเนินกิจวัตรประจำวันดีขึ้นและมีพฤติกรรมการดูแลสุขภาพตนเองที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ</p> เบญจา อิศรางกูร ณ อยุธยา Copyright (c) 2025 โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-03-04 2025-03-04 13 1 13 27 ผลของโปรแกรมการดูแลสายสวนปัสสาวะต่อความรู้และการปฏิบัติของผู้ดูแลผู้ป่วย ศัลยกรรมกระดูกและข้อที่ใส่คาสายสวนปัสสาวะ โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา จังหวัดกาญจนบุรี https://he04.tci-thaijo.org/index.php/PPHJ/article/view/2807 <p><strong>วัตถุประสงค์</strong><strong>:</strong> เพื่อเปรียบเทียบความรู้และการปฏิบัติเพื่อป้องกันการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะของผู้ดูแลก่อนและหลังได้รับโปรแกรม</p> <p><strong>วิธีการวิจัย</strong><strong>:</strong> การวิจัยกึ่งทดลองแบบกลุ่มเดียววัดผลก่อนและหลังการทดลอง ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ - สิงหาคม 2567 กลุ่มตัวอย่างคัดเลือกแบบเจาะจง ได้แก่ ผู้ดูแลผู้ป่วยศัลยกรรมกระดูกและข้อที่ใส่คาสายสวนปัสสาวะ ในโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา จังหวัดกาญจนบุรี จำนวน 52 คน เครื่องมือที่ใช้ดำเนินการวิจัย ได้แก่ โปรแกรมการดูแลสายสวนปัสสาวะที่ประยุกต์ใช้ทฤษฎีการเผยแพร่นวัตกรรมของโรเจอร์ เครื่องมือที่ใช้รวบรวมข้อมูลประกอบด้วย แบบสอบถามความรู้การดูแลผู้ป่วยที่ใส่คาสายสวนปัสสาวะ และแบบประเมินการปฏิบัติการดูแลสายสวนปัสสาวะของผู้ดูแล วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนาและการทดสอบทีแบบไม่เป็นอิสระต่อกัน</p> <p><strong>ผลการวิจัย</strong><strong>:</strong> ผู้ดูแลผู้ป่วยมีคะแนนเฉลี่ยความรู้การดูแลผู้ป่วยที่ใส่คาสายสวนปัสสาวะหลังการใช้โปรแกรมสูงกว่าก่อนการใช้โปรแกรมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (19.25±0.95 และ 9.96±2.22; p&lt;0.001) และมีคะแนนเฉลี่ย การปฏิบัติหลังการใช้โปรแกรมสูงกว่าก่อนการใช้โปรแกรมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (8.68±0.96 และ 4.35±1.05; p&lt;0.001)</p> <p><strong>สรุปผล: </strong>การวิจัยครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าโปรแกรมการดูแลสายสวนปัสสาวะที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้น โดยประยุกต์ใช้ทฤษฎีการเผยแพร่นวัตกรรมของโรเจอร์ ส่งผลให้ผู้ดูแลผู้ป่วยศัลยกรรมกระดูกและข้อที่ใส่คาสายสวนปัสสาวะมีความรู้และมีการปฏิบัติในการดูแลสายสวนปัสสาวะถูกต้องเพิ่มขึ้น</p> รัชดาวรรณ ล่องลอย สุภาภรณ์ ประยูรมหิศร Copyright (c) 2025 โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-03-07 2025-03-07 13 1 28 43