วารสารโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา https://he04.tci-thaijo.org/index.php/PPHJ <p>วารสารโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา (Phaholpolpayuhasena Hospital Journal: PPHJ) หรือชื่อเดิมคือ กาญจนบุรีเวชสาร (Kanchanaburi Medical Journal) เผยแพร่ผลงานวิชาการด้านการแพทย์ พยาบาล และสาธารณสุขให้แก่ผู้ที่ต้องการศึกษาค้นคว้าและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง</p> th-TH <p>บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา</p> <p>ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนาและบุคลากรท่านอื่น ๆ ในโรงพยาบาลฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใด ๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเอง</p> phaholonline@gmail.com (นพ.ชนาธิป ไชยเหล็ก) phaholonline@gmail.com (นพ.ชนาธิป ไชยเหล็ก) Mon, 16 Sep 2024 00:00:00 +0700 OJS 3.3.0.8 http://blogs.law.harvard.edu/tech/rss 60 ผลของโปรแกรมความรอบรู้ด้านส่งเสริมป้องกันโรควัณโรคต่อทัศนคติและพฤติกรรมการดูแลตนเองของประชาชนกลุ่มเสี่ยงโรควัณโรค ตำบลท่าเสา อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี https://he04.tci-thaijo.org/index.php/PPHJ/article/view/1429 <p><strong>วัตถุประสงค์</strong><strong>: </strong>เพื่อศึกษาผลของโปรแกรมความรอบรู้ด้านส่งเสริมป้องกันโรควัณโรคต่อทัศนคติและพฤติกรรมการดูแลตนเองของประชาชนกลุ่มเสี่ยงโรควัณโรค ตำบลท่าเสา อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี</p> <p><strong>วิธีการวิจัย</strong><strong>: </strong>เป็นการศึกษากึ่งทดลองแบบกลุ่มเดียววัดผลก่อนและหลังทดลองระหว่างวันที่ 24-25 มิถุนายน 2567 กลุ่มตัวอย่างคือผู้ป่วยเบาหวานและผู้สูงอายุจำนวน 33 คน ในตำบลท่าเสา อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ โปรแกรมความรอบรู้ด้านส่งเสริมป้องกันโรควัณโรค แบบสอบถามทัศนคติและพฤติกรรมการดูแลตนเองเกี่ยวกับโรควัณโรคค่าความตรงเชิงเนื้อหาอยู่ระหว่าง 0.67-1.0 และ ค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.798 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา และการทดสอบค่าทีแบบไม่เป็นอิสระต่อกัน</p> <p><strong>ผลการวิจัย</strong><strong>:</strong> หลังเข้าโปรแกรมความรอบรู้ด้านส่งเสริมป้องกันโรควัณโรค กลุ่มตัวอย่างมีคะแนนเฉลี่ยทัศนคติเกี่ยวกับโรควัณโรคเพิ่มขึ้นจากก่อนเข้าโปรแกรมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (30.21±3.17 และ 26.55±3.52; p=0.001) กลุ่มตัวอย่างมีคะแนนเฉลี่ยพฤติกรรมการดูแลตนเองของกลุ่มเสี่ยงโรควัณโรคเพิ่มขึ้นจากก่อนเข้าโปรแกรมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติเช่นกัน (44.24±5.78 และ 38.49±8.10; p=0.001)</p> <p><strong>สรุปผล:</strong> การใช้โปรแกรมความรอบรู้ด้านส่งเสริมป้องกันโรควัณโรค โดยใช้กิจกรรมให้ความรู้เชิงปฏิบัติการ ด้วยแนวคิดความรอบรู้ด้านสุขภาพส่งผลให้ทัศนคติเกี่ยวกับโรควัณโรคและพฤติกรรมสุขภาพในการดูแลและป้องกันตนเองจากโรควัณโรคของกลุ่มตัวอย่างดีขึ้น จึงควรนำไปใช้ในกลุ่มเสี่ยงโรควัณโรค ทั้งในสถานพยาบาลหรือชุมชนแออัด เพื่อป้องกันและควบคุมการติดเชื้อโรควัณโรค</p> สุวภัทร นุ่มเจริญ , อัญญา ปลดเปลื้อง Copyright (c) 2024 โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://he04.tci-thaijo.org/index.php/PPHJ/article/view/1429 Tue, 24 Sep 2024 00:00:00 +0700 ประสิทธิผลของโปรแกรมความรอบรู้ด้านอนามัยสิ่งแวดล้อมของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน อำเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี https://he04.tci-thaijo.org/index.php/PPHJ/article/view/1501 <p><strong>วัตถุประสงค์</strong><strong>:</strong> เพื่อศึกษาประสิทธิผลของโปรแกรมความรอบรู้ด้านอนามัยสิ่งแวดล้อมของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน</p> <p><strong>วิธีการวิจัย</strong><strong>:</strong> เป็นการศึกษากึ่งทดลองแบบกลุ่มเดียวทดสอบก่อนหลัง กลุ่มตัวอย่างเป็น อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน อำเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี จำนวน 30 คน คัดเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ โปรแกรมความรอบรู้ด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม และแบบประเมินความรู้ด้านอนามัยสิ่งแวดล้อมและพฤติกรรมอนามัยสิ่งแวดล้อม วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติพรรณนา และการทดสอบค่าทีแบบไม่เป็นอิสระต่อกัน</p> <p><strong>ผลการวิจัย</strong><strong>:</strong> หลังเข้าร่วมโปรแกรม กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีความรู้ด้านอนามัยสิ่งแวดล้อมอยู่ในระดับมาก (ร้อยละ 53.33) และส่วนใหญ่มีพฤติกรรมอนามัยสิ่งแวดล้อมอยู่ในระดับสูง (ร้อยละ 73.33) ค่าเฉลี่ยคะแนนความรู้ด้านอนามัยสิ่งแวดล้อมหลังการเข้าร่วมโปรแกรมสูงกว่าก่อนเข้าร่วมโปรแกรมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (19.20±2.48 และ 14.93± 3.15; p&lt;0.001) และค่าเฉลี่ยคะแนนพฤติกรรมอนามัยสิ่งแวดล้อมหลังการเข้าร่วมโปรแกรมสูงกว่าก่อนเข้าร่วมโปรแกรมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (107.60±5.29 และ 91.00± 16.03; p&lt;0.001)</p> <p><strong>สรุปผล:</strong> โปรแกรมความรอบรู้ด้านอนามัยสิ่งแวดล้อมส่งผลให้อาสาสมัครประจำหมู่บ้านมีความรู้และพฤติกรรมอยู่ในระดับเพิ่มขึ้น ควรนำโปรแกรมความรอบรู้ด้านอนามัยสิ่งแวดล้อมไปใช้กับอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน เพื่อยกระดับความรอบรู้ด้านอนามัยสิ่งแวดล้อมและสร้างพฤติกรรมการจัดการอนามัยสิ่งแวดล้อม ให้สามารถดูแลให้คำแนะนำแก่ประชาชนในชุมชนและเป็นต้นแบบในการจัดการอนามัยสิ่งแวดล้อม</p> อรรณพ จงเจริญ Copyright (c) 2024 โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://he04.tci-thaijo.org/index.php/PPHJ/article/view/1501 Tue, 01 Oct 2024 00:00:00 +0700 ปัจจัยที่มีผลต่อการดำเนินงานของคณะกรรมการกองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่น อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี https://he04.tci-thaijo.org/index.php/PPHJ/article/view/1626 <p><strong>วัตถุประสงค์</strong><strong>: </strong>เพื่อศึกษาคุณลักษณะส่วนบุคคล และปัจจัยการบริหารที่มีผลต่อการดำเนินงานของคณะกรรมการกองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่น อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี</p> <p><strong>วิธีการวิจัย:</strong> เป็นการศึกษาภาคตัดขวางเชิงวิเคราะห์ กลุ่มตัวอย่าง 175 คน สุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้นภูมิตามตำแหน่งในกองทุนและเป็นสัดส่วนกับขนาดของประชากร จากนั้นใช้การสุ่มอย่างง่าย เก็บข้อมูลด้วยแบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลโดยสถิติพรรณนา และการวิเคราะห์ถดถอยพหุแบบขั้นตอน</p> <p><strong>ผลการวิจัย</strong><strong>: </strong>ปัจจัยการบริหารการดำเนินงานของคณะกรรมการกองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่น อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี อยู่ในระดับมาก (Mean=4.35, SD=0.47) และการดำเนินงานของคณะกรรมการกองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่นอยู่ในระดับมาก (Mean=4.33, SD=0.55) ตัวแปรอิสระ 3 ตัวแปร ที่ส่งผลเชิงบวกต่อการดำเนินงานของคณะกรรมการกองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่น ได้แก่ ปัจจัยการบริหาร ด้านการบริหารจัดการ ด้านบุคลากร และด้านงบประมาณ สามารถทำนายการดำเนินงานของคณะกรรมการกองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่นได้ร้อยละ 65.0 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (R<sup>2</sup>=0.650, p&lt;0.05) </p> <p><strong>สรุปผล</strong><strong>:</strong> คณะกรรมการกองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่น ควรให้ความสำคัญเรื่องการพัฒนาศักยภาพกรรมการกองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่น โดยสนับสนุนให้เข้าร่วมประชุม อบรมวิธีการดำเนินงานเกี่ยวกับกองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่น โดยให้ความสำคัญปัจจัยการบริหาร ด้านการบริหารจัดการ ด้านบุคลากร และด้านงบประมาณ เพื่อให้การดำเนินงานกองทุนหลักประกันสุขภาพมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น</p> วันดี โพธิ์พรหม Copyright (c) 2024 โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://he04.tci-thaijo.org/index.php/PPHJ/article/view/1626 Tue, 19 Nov 2024 00:00:00 +0700 ประสิทธิผลของรูปแบบการจัดการภายในองค์กรพยาบาลต่อการปฏิบัติการพยาบาลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองในระยะเฉียบพลัน โรงพยาบาลบ่อพลอย อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี https://he04.tci-thaijo.org/index.php/PPHJ/article/view/2443 <p><strong>วัตถุประสงค์:</strong> เพื่อศึกษาผลของการใช้รูปแบบการจัดการภายในองค์กรพยาบาลตามแนวคิด 7S ของแมคคินซีย์ต่อการปฏิบัติการพยาบาลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองในระยะเฉียบพลัน โรงพยาบาลบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี ด้านพยาบาลวิชาชีพและด้านผู้ป่วย ก่อนและหลังใช้รูปแบบฯ</p> <p><strong>วิธีการวิจัย:</strong> การวิจัยกึ่งทดลองแบบกลุ่มเดียววัดผลก่อนหลังการทดลอง กลุ่มตัวอย่างคือ พยาบาลวิชาชีพที่ปฏิบัติงานกับผู้ป่วยโดยตรงจำนวน 35 คน และเวชระเบียนผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองในระยะเฉียบพลันที่มารับบริการโรงพยาบาลบ่อพลอย ก่อนและหลังทดลองกลุ่มละ 30 ฉบับ สุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง เก็บข้อมูลด้วยแบบสอบถามและแบบบันทึกข้อมูลผู้ป่วย วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนาและการทดสอบที</p> <p><strong>ผลการวิจัย:</strong> หลังการใช้รูปแบบฯ คะแนนเฉลี่ยความรู้การพยาบาลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองในระยะเฉียบพลันเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (10.33±3.06 และ 6.83±4.14, p=0.032) ผลลัพธ์ด้านผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองในระยะเฉียบพลัน ระยะเวลาในการเข้าถึงบริการหลังเกิดอาการโรคหลอดเลือดสมองใช้เวลาเฉลี่ยลดลง (3.34±3.67 ชั่วโมง และ 5.02±6.01 ชั่วโมง, p=0.003) และระยะเวลาในการเข้าระบบช่องทางด่วนในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองระยะเฉียบพลันที่รอดชีวิตใช้เวลาเฉลี่ยลดลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (23.32±8.76 นาทีและ 78.87±14.00 นาที, p&lt;0.001)</p> <p><strong>สรุปผล:</strong> รูปแบบการจัดการภายในองค์กรพยาบาลต่อการปฏิบัติการพยาบาลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองในระยะเฉียบพลันที่พัฒนาขึ้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานทางการพยาบาลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองในระยะเฉียบพลันได้อย่างมีประสิทธิภาพในการดูแลผู้ป่วย ซึ่งผลการศึกษาครั้งนี้สามารถนำไปสู่การปรับปรุงและพัฒนาผลลัพธ์ที่ต้องการทั้งในด้านคุณภาพการดูแลผู้ป่วยและการบริหารเวลา</p> พภัสสรณ์ ไข่มุก Copyright (c) 2024 โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://he04.tci-thaijo.org/index.php/PPHJ/article/view/2443 Wed, 25 Dec 2024 00:00:00 +0700