วารสารสถาบันราชประชาสมาสัย https://he04.tci-thaijo.org/index.php/rpsi <p><strong>วารสารสถาบันราชประชาสมาสัย (Journal of Raj Pracha Samasai Institute)</strong><br /><strong><u>กำหนดออก 3 ฉบับ</u></strong><u><strong>:</strong> </u>ฉบับที่ 1 มกราคม - เมษายน / ฉบับที่ 2 พฤษภาคม - สิงหาคม / ฉบับที่ 3 กันยายน - ธันวาคม<br /><strong><u>นโยบายและขอบเขตการตีพิมพ์</u><u>:</u></strong> เป็นวารสารทางวิชาการที่มีวัตถุประสงค์ จัดทำและเผยแพร่โดยสถาบันราชประชาสมาสัย กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมสนับสนุนให้บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข และนักวิจัยได้มีโอกาสเผยแพร่ นิพนธ์ต้นฉบับ บทความฟื้นวิชา รายงานผลการปฏิบัติงาน รายงานผู้ป่วย การสอบสวนโรค นวัตกรรม บทความวิชาการ และบทความพิเศษที่เกี่ยวกับการส่งเสริม เฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรคและภัยสุขภาพ การรักษาพยาบาลและการฟื้นฟูสมรรถภาพ ระบาดวิทยา การสอบสวนโรค อนามัยสิ่งแวดล้อมและอาชีวอนามัย การพัฒนาคุณภาพงาน การตรวจพิเศษและการตรวจทางห้องปฏิบัติการ ยุทธศาสตร์และนโยบายทางสาธารณสุขการประเมินผลโครงการ การพัฒนาและประเมินหลักสูตร เศรษฐศาสตร์สาธารณสุขและอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง <br /><strong>ภาษาที่รับตีพิมพ์</strong><strong> </strong><strong>: </strong>ภาษาไทย / ภาษาอังกฤษ <br /><strong>*วารสารสถาบันราชประชาสมาสัย ไม่มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการตีพิมพ์ใดๆ ในทุกขั้นตอน </strong></p> th-TH <p><strong>ประกาศเกี่ยวกับลิขสิทธิ์<br /></strong>บทความที่ลงพิมพ์ในวารสารสถาบันราชประชาสมาสัย ถือว่าเป็นผลงานทางวิชาการหรือการวิจัย และวิเคราะห์ตลอดจนเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้นิพนธ์ ไม่ใช่ความเห็นกองบรรณาธิการแต่ประการใด ผู้นิพนธ์จำต้องรับผิดชอบต่อบทความของตน</p> <p><strong>นโยบายส่วนบุคคล<br /></strong>ชื่อและที่อยู่อีเมลที่ระบุในวารสารสถาบันราชประชาสมาสัย จะถูกใช้เพื่อวัตถุประสงค์ตามที่ระบุไว้ ในวารสารเท่านั้น และจะไม่ถูกนำไปใช้สำหรับวัตถุประสงค์อื่น หรือต่อบุคคลอื่นใด</p> journal.rajpracha@gmail.com (Journal of Raj Pracha Samasai Institute) journal.rajpracha@gmail.com (ดร.รภิลิญ ณริญฐโรธร / นางสาวลัลน์ลลิน เรื่องลือ ) Fri, 22 Aug 2025 15:48:08 +0700 OJS 3.3.0.8 http://blogs.law.harvard.edu/tech/rss 60 การพัฒนารูปแบบการตรวจสอบรายการผ่าตัดปลอดภัย สำหรับผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัด สถาบันราชประชาสมาสัย https://he04.tci-thaijo.org/index.php/rpsi/article/view/2744 <p>ความปลอดภัยของผู้ป่วยเป็นหัวใจสำคัญของการให้บริการผ่าตัดในสถานบริการสาธารณสุขทุกระดับเนื่องจากการผ่าตัดมีโอกาสเกิดความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อน ได้แก่ ความเสี่ยงจากการเสียเลือดมากผิดปกติ ความเสี่ยงจากการให้ยาระงับความรู้สึก ความเสี่ยงที่เกิดจากภาวะลิ่มเลือดอุดตัน และภาวะแทรกซ้อนทางอายุรกรรมที่มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนตามอายุ และโรคประจำตัวของผู้ป่วย เช่น ผู้ป่วยโรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน เป็นต้น การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนารูปแบบการตรวจสอบรายการผ่าตัดปลอดภัยสำหรับผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดตาม AEMPAVEE MODEL โดยใช้การศึกษาเชิงปฏิบัติการ ประกอบด้วย 4 ระยะ ระยะที่ 1 ทำความเข้าใจปัญหารูปแบบการตรวจสอบรายการผ่าตัดปลอดภัยสำหรับผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัด ระยะที่ 2 ยกร่างรูปแบบการตรวจสอบรายการผ่าตัดปลอดภัยสำหรับผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัด ระยะที่ 3 ทดลองใช้รูปแบบการตรวจสอบรายการผ่าตัดปลอดภัยสำหรับผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดที่ร่างขึ้น และระยะที่ 4 ประเมินผลการนำรูปแบบการตรวจสอบรายการผ่าตัดปลอดภัยสำหรับผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดไปใช้ประชากรเป้าหมายของการศึกษา ได้แก่ ผู้ให้บริการ (จักษุแพทย์, ศัลยแพทย์, วิสัญญีพยาบาล, พยาบาลวิชาชีพห้องผ่าตัด) และผู้รับบริการ (ผู้ป่วยที่เข้ารับการผ่าตัด) รวม 26 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ประกอบด้วย แบบสัมภาษณ์เชิงลึกแบบสังเกตการณ์แบบไม่มีส่วนร่วม แบบประเมินการยอมรับ แบบตรวจสอบรายการผ่าตัดปลอดภัย แบบประเมินความพึงพอใจ แบบตรวจสอบความครบถ้วนของรูปแบบการตรวจสอบรายการผ่าตัดปลอดภัย และแบบคัดลอกข้อมูล ระยะเวลาการศึกษาระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ - กรกฎาคม 2567 <br />ผลการศึกษาพบว่า เมื่อนำรูปแบบการตรวจสอบรายการผ่าตัดปลอดภัยที่พัฒนาขึ้นมาใช้ ไม่มีการผ่าตัดผิดคน ผิดข้าง ผิดตำแหน่ง หรือการใส่อวัยวะเทียมผิดพลาด ไม่มีการติดเชื้อที่ตำแหน่งแผลผ่าตัดสะอาด และไม่มีการระบุตำแหน่งผ่าตัดผิดพลาด ผลการวิเคราะห์ข้อมูลพบว่า กลุ่มประชากรเป้าหมายทั้งหมด มีความพึงพอใจอย่างมาก ปรากฏค่าเฉลี่ย 4.88 (Mean = 4.88 SD<img src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\pm&amp;space;" alt="equation" />0.32) และมีการยอมรับเป็นอย่างมากเช่นกัน 4.88 (Mean = 4.88 SD<img src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\pm&amp;space;" alt="equation" />0.32) จากผลการศึกษาดังกล่าวข้างต้น สถาบันราชประชาสมาสัยควรพิจารณานำรูปแบบการตรวจสอบรายการผ่าตัดปลอดภัยสำหรับผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดตาม AEMPAVEE MODEL มาปรับใช้ให้ครอบคลุมทุกหน่วยงานที่มีการผ่าตัดหรือหัตถการ เพราะสามารถลดความเสี่ยงจากการผ่าตัดและป้องกันการเกิดอุบัติการณ์ไม่พึงประสงค์ได้เป็นอย่างดี</p> <p> </p> เอมปวีร์ ฐิติโสภณศักดิ์, ชายหาญ รุ่งศิริแสงรัตน์, นิวัตน์ หลิวศาสวัตธนา, สุจิตรา บุญพิมพ์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารสถาบันราชประชาสมาสัย https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://he04.tci-thaijo.org/index.php/rpsi/article/view/2744 Wed, 20 Aug 2025 00:00:00 +0700 ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการเกิดภาวะปอดอักเสบที่สัมพันธ์กับการใช้เครื่องช่วยหายใจ ของผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในหอผู้ป่วยหนัก https://he04.tci-thaijo.org/index.php/rpsi/article/view/3079 <p>การวิจัยครั้งนี้เป็นการศึกษาเชิงพรรณนาแบบย้อนหลัง เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการเกิดภาวะปอดอักเสบที่สัมพันธ์กับการใช้เครื่องช่วยหายใจ จำนวน 338 แฟ้ม คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจงตามเกณฑ์ที่กำหนด เครื่องมือที่ใช้รวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบบันทึกข้อมูลที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้น ตรวจสอบคุณภาพโดยตรวจสอบความถูกต้องของเนื้อหาโดยผู้ทรงคุณวุฒิ และทดลองใช้บันทึกข้อมูลผู้ป่วย วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ร้อยละ และวิเคราะห์ความสัมพันธ์ด้วยสถิติ Chi-square Test ผลการศึกษาพบว่า มีอุบัติการณ์เกิดภาวะปอดอักเสบในผู้ป่วยที่ใช้เครื่องช่วยหายใจ ร้อยละ 20.28 โดยพบว่า ปัจจัย 7 ตัว มีความสัมพันธ์กับการเกิดภาวะปอดอักเสบของผู้ป่วยที่ใช้เครื่องช่วยหายใจอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p-value &lt;.05) ได้แก่ ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด ประวัติการสูบบุหรี่ ประวัติการใช้ยากลุ่ม Clindamycin ประวัติการใส่ท่อช่วยหายใจซํ้า ระยะเวลาในการใช้เครื่องช่วยหายใจ ระยะเวลานอนหอผู้ป่วยวิกฤต และระยะเวลานอนโรงพยาบาล ดังนั้นควรเน้นการเฝ้าระวังและดูแลตามแนวปฏิบัติอย่างเคร่งครัด เพื่อการป้องกันการเกิดภาวะปอดอักเสบที่สัมพันธ์กับการใช้เครื่องช่วยหายใจ รวมถึงมีการนิเทศกำกับการปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่อง และสร้างสิ่งแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการป้องกันการติดเชื้อ</p> วิมลวรรณ หรุ่นเกิด, วรุณ มโนมัยวงศ์, ลัดดามาศ เข็มจันทร์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารสถาบันราชประชาสมาสัย https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://he04.tci-thaijo.org/index.php/rpsi/article/view/3079 Wed, 20 Aug 2025 00:00:00 +0700 การศึกษาระบบเฝ้าระวังโรคเรื้อนในรายงาน 506 โดยใช้ระบบรายงานผู้ป่วยโรคเรื้อน สถาบันราชประชาสมาสัยเป็นฐานข้อมูลอ้างอิง ระหว่างวันที่ 1 มกราคม ถึง 8 ตุลาคม 2566 https://he04.tci-thaijo.org/index.php/rpsi/article/view/2826 <p>โรคเรื้อนเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวังตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 จึงต้องมีระบบการติดตาม ตรวจสอบและจัดเก็บข้อมูลอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันระบบเฝ้าระวังโรคเรื้อนติดตามข้อมูลต่อเนื่องในฐานข้อมูลโรคเรื้อน สถาบันราชประชาสมาสัย (LEP database) อีกทั้งมีการรายงานผู้ป่วยโรคเรื้อนรายใหม่ในระบบรายงาน 506 กองระบาดวิทยา การรายงานโรคเรื้อนในระบบรายงาน 506 ยังไม่เป็นที่ใช้แพร่หลาย การศึกษานี้จัดทำขึ้น เพื่อพรรณนาระบบเฝ้าระวังโรคเรื้อนของประเทศไทย ในปี 2566 และเพื่อประเมินคุณลักษณะเชิงปริมาณของระบบเฝ้าระวังโรคเรื้อนในระบบรายงาน 506 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 8 ตุลาคม 2566 โดยใช้ LEP database เป็นฐานข้อมูลอ้างอิงผลการศึกษาพบว่า ระบบรายงานโรคเรื้อน LEP database และระบบรายงาน 506 มีวัตถุประสงค์และตัวแปรในการรายงานที่แตกต่างกัน ระบบรายงาน 506 รายงานตั้งแต่ผู้ป่วยสงสัย เพื่อตรวจจับการระบาดในขณะที่ LEP database รายงานผู้ป่วยยืนยันและตัวแปรที่จำเพาะต่อโรคเรื้อน เช่น ระดับความพิการ การรายงานผู้ป่วยโรคเรื้อนในระบบรายงาน 506 ปัจจุบันยังคงมีการรายงานเข้ามาน้อย มีความไวร้อยละ 30 ส่งผลต่อความเป็นตัวแทนของข้อมูลที่ไม่สะท้อนลักษณะของผู้ป่วยโรคเรื้อนรายใหม่เมื่อใช้ LEP database เป็นฐานข้อมูลอ้างอิง อย่างไรก็ตามพบค่าพยากรณ์บวกสูง ร้อยละ 93.8 หากแต่ยังคงมีความล่าช้าของการรายงานผู้ป่วยรายใหม่เข้าสู่ระบบรายงาน 506 ทั้งนี้สถาบันราชประชาสมาสัย จึงควรมีการผลักดันการรายงานโรคเรื้อนในระบบรายงาน 506 และจัดทำฐานข้อมูลระบบเฝ้าระวังผู้ป่วยโรคเรื้อนรายใหม่ที่ประกอบไปด้วยรายงานผู้ป่วยใหม่จากระบบรายงาน 506 ที่ได้รับการตรวจสอบว่าเป็นผู้ป่วยยืนยันแล้ว และข้อมูลจำเพาะของโรคเรื้อน รวมถึงรายละเอียดของผู้สัมผัสใกล้ชิดจากฐานข้อมูล LEP database ซึ่งจะทำให้เกิดฐานข้อมูลในการเฝ้าระวังผู้ป่วยโรคเรื้อนที่ทันเวลา ถูกต้อง และครบถ้วน นำไปสู่การควบคุมโรคที่ต่อเนื่องเป็นระบบมีประสิทธิภาพ และสามารถกำจัดโรคเรื้อนในประเทศไทยได้ในที่สุด</p> ชุติวัลย์ พลเดช, ชญานิจ มหาสิงห์, พจนา ธัญญกิตติกุล, ศิรามาศ รอดจันทร์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารสถาบันราชประชาสมาสัย https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://he04.tci-thaijo.org/index.php/rpsi/article/view/2826 Wed, 20 Aug 2025 00:00:00 +0700 การปนเปื้อนของไมโครพลาสติกในสิ่งแวดล้อมและผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์ https://he04.tci-thaijo.org/index.php/rpsi/article/view/3049 <p>การปนเปื้อนของไมโครพลาสติกได้กลายเป็นปัญหาระดับโลกที่สำคัญ โดยมีการแพร่กระจายอย่างกว้างขวางในสิ่งแวดล้อมทางทะเล น้ำจืด พื้นดิน และอากาศ งานทบทวนนี้ได้รวบรวมงานวิจัยเกี่ยวกับแหล่งกำเนิดการกระจายตัวในสิ่งแวดล้อมและความเสี่ยงต่อสุขภาพจากไมโครพลาสติก โดยเฉพาะในประเทศไทย ซึ่งพบไมโครพลาสติกในแหล่งน้ำ ตะกอน และอาหารทะเล โดยเส้นใยพลาสติกเป็นรูปแบบที่พบได้บ่อยที่สุดไมโครพลาสติกที่เกิดจากผลิตภัณฑ์พลาสติกต้นทางและการสลายตัวของขยะพลาสติกขนาดใหญ่สามารถพาเคมีพิษและสะสมในห่วงโซ่อาหาร ซึ่งเป็นอันตรายต่อทั้งระบบนิเวศและสุขภาพมนุษย์ การสัมผัสกับไมโครพลาสติกในมนุษย์เกิดขึ้นจากการกลืน การสูดดม และการสัมผัสทางผิวหนัง ถึงแม้ว่าส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว ยังคงอยู่ระหว่างการศึกษาแต่หลักฐานเบื้องต้นแสดงให้เห็นถึงความเสี่ยงต่อการเกิดโทษต่างๆ ต่อร่างกาย เช่น การรบกวนฮอร์โมน การเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชัน และการอักเสบทั่วร่างกาย การประสานงานระหว่างการวิจัย นโยบาย และการสร้างความตระหนักรู้ เพื่อบรรเทาการปนเปื้อนและปกป้องสุขภาพของทั้งสิ่งแวดล้อม และมนุษย์อาจนำไปสู่แนวทางการแก้ปัญหาได้</p> ณัฏฐ์ กริชจนรัช, กิตติศักดิ์ เหมือนดาว ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารสถาบันราชประชาสมาสัย https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://he04.tci-thaijo.org/index.php/rpsi/article/view/3049 Wed, 20 Aug 2025 00:00:00 +0700 การกระจายทางภูมิศาสตร์และรูปแบบฤดูกาลของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสนิปาห์ https://he04.tci-thaijo.org/index.php/rpsi/article/view/3008 <p>ไวรัสนิปาห์เป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญ โดยองค์การอนามัยโลกจัดให้เป็นหนึ่งในไวรัสอุบัติใหม่ที่อันตรายที่สุด เนื่องจากสามารถก่อให้เกิดโรคทางเดินหายใจรุนแรงและโรคสมองอักเสบ ซึ่งมีอัตราการเสียชีวิตสูง การระบาดของไวรัสนี้ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนเท่านั้น แต่ยังกระทบต่อระบบสาธารณสุขเศรษฐกิจ สร้างความตื่นตระหนกในสังคม การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการขยายตัวของเมืองทำให้มนุษย์มีโอกาสสัมผัสกับสัตว์ป่ามากขึ้น จึงยิ่งเน้นย้ำถึงความสำคัญของการทำความเข้าใจไวรัสชนิดนี้ เพื่อป้องกันการระบาด แม้ว่าไวรัสจะยังไม่กลับมาระบาดซ้ำในประเทศมาเลเซีย สิงคโปร์ และฟิลิปปินส์ แต่ในบังกลาเทศและอินเดียยังคงเกิดการระบาดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับช่วงฤดูผสมพันธุ์ของค้างคาวและฤดูกาลเก็บเกี่ยวอินเดียพบการระบาดแล้ว 9 ครั้ง ขณะที่บังกลาเทศพบการระบาดเกือบทุกปี โดยมีลักษณะการระบาดตามฤดูกาล และพื้นที่เฉพาะข้อมูลเกี่ยวกับการกระจายทางภูมิศาสตร์และฤดูกาลของการระบาดไวรัสนิปาห์ จึงเป็นประโยชน์ต่อการทำความเข้าใจการแพร่เชื้อข้ามสายพันธุ์ และสนับสนุนการวางกลยุทธ์ด้านสาธารณสุขได้อย่างมีประสิทธิภาพ</p> ภูวิศ ชโลธร, วรพงศ์ กาญจนาคาร, พิชชานันท์ เต็งอำนวย, รภัทภร ลิ้มจำรูญรัตน์, นันท์นภัส หริพจน์ทวีกุล, อัจฉราลักษณ์ วรเทพพุฒิพงษ์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารสถาบันราชประชาสมาสัย https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://he04.tci-thaijo.org/index.php/rpsi/article/view/3008 Wed, 20 Aug 2025 00:00:00 +0700 การทบทวนอย่างเป็นระบบของนวัตกรรมระดับท้องถิ่นและระดับโลก เพื่อบรรเทาปัญหา PM2.5 ในประเทศไทย https://he04.tci-thaijo.org/index.php/rpsi/article/view/3046 <p>มลพิษ PM2.5 ได้กลายเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมและสาธารณสุขที่สำคัญ โดยเฉพาะในพื้นที่เมืองและเขตเกษตรกรรมของประเทศไทย การทบทวนวรรณกรรมเชิงระบบนี้ได้สำรวจแหล่งกำเนิดหลักของฝุ่น PM2.5 ผลกระทบต่อสุขภาพและนวัตกรรมล่าสุด รวมถึงนโยบายแหล่งกำเนิดหลักของฝุ่น PM2.5 ที่พบจากการศึกษานี้ คือ การปล่อยมลพิษจากยานพาหนะ การเผาชีวมวล และกิจกรรมอุตสาหกรรม โดยฝุ่นละอองทุติยภูมิยังมีบทบาทสำคัญต่อมลพิษข้ามพรมแดน งานวิจัยนี้ยังประเมินประสิทธิภาพของเทคโนโลยีการกรองอากาศหลายประเภท เช่น แผ่นกรอง HEPA เมมเบรนนาโนไฟเบอร์ และแผ่นกรองแบบ Electrospun รวมถึงแบบจำลองการพยากรณ์โดยใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และเครือข่ายเซนเซอร์ไร้สาย แม้จะมีพัฒนาการด้านเทคโนโลยี<br />ที่มากขึ้นแต่ยังไม่ได้นำไปใช้มาก เนื่องจากต้นทุนสูงความต้องการการใช้พลังงานและการเผยแพร่สู่สาธารณชนน้อย การบังคับใช้นโยบายเข้มงวด การส่งเสริมนวัตกรรมยังไม่ยั่งยืนและมีต้นทุนต่ำ ขาดการสื่อสารข้อมูลคุณภาพอากาศที่เป็นปัจจุบันและขาดประสิทธิภาพ การศึกษานี้จึงทำเพื่อเสนอข้อมูลสำหรับนักวิจัย ผู้กำหนดนโยบายและผู้สนใจ เพื่อพัฒนากลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพในการลดมลพิษทางอากาศและปกป้องสุขภาพประชาชน</p> ธาวิน ชินวุฒิ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารสถาบันราชประชาสมาสัย https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://he04.tci-thaijo.org/index.php/rpsi/article/view/3046 Wed, 20 Aug 2025 00:00:00 +0700