การพัฒนาแนวปฏิบัติการพยาบาลสตรีตั้งครรภ์ที่มีภาวะเจ็บครรภคลอดก่อนกำหนดโรงพยาบาลเชียงยืน

ผู้แต่ง

  • ชญาณิศา ถนอม โรงพยาบาลเชียงยืน
  • นุสรา ธนะเหมะธุสิน โรงพยาบาลเชียงยืน
  • เปรมฤดี ภารสำอางค์ โรงพยาบาลเชียงยืน

คำสำคัญ:

แนวปฏิบัติการพยาบาล, ภาวะเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด, สตรีตั้งครรภ์

บทคัดย่อ

การศึกษาครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action research) พัฒนาตามกรอบแนวคิดตามหลักฐานเชิงประจักษของซูคัพ (Soukup) มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อพัฒนาแนวปฏิบัติการพยาบาลสตรีตั้งครรภ์ที่มีภาวะเจ็บครรภคลอดก่อนกำหนดโรงพยาบาลเชียงยืน 2) เพื่อศึกษาผลลัพธ์ของการพัฒนาแนวปฏิบัติฯ และ 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของพยาบาลห้องคลอดต่อแนวปฏิบัติการพยาบาลฯ กลุ่มตัวอย่าง คือ พยาบาลวิชาชีพจำนวน 10 คน และสตรีตั้งครรภที่มีอายุครรภ์ตั้งแต่ 24 ถึงก่อนอายุครรภ์ 37 สัปดาห์ จำนวน 30 คน คัดเลือกแบบเฉพาะเจาะจง เก็บข้อมูลในเดือนตุลาคม 2565 ถึงเดือนกันยายน 2566 เครื่องมือวิจัยประกอบไปด้วย  แบบสอบถามข้อมูลส่วนบุคคลของสตรีตั้งครรภ์ที่มีภาวะเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด แบบสอบถามพฤติกรรมการป้องกันการเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด แบบบันทึกผลลัพธ์ทางการพยาบาล แบบสอบถามความพึงพอใจของพยาบาลวิชาชีพต่อการใช้แนวปฏิบัติฯ วิเคราะห์ข้อมูลส่วนบุคคลของสตรีตั้งครรภ์ที่มีภาวะเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด ความพึงพอใจของพยาบาลวิชาชีพต่อการใช้แนวปฏิบัติฯ ผลลัพธ์ทางการพยาบาล โดยการแจกแจงความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานข้อมูลพฤติกรรมการป้องกันการเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนดเปรียบเทียบระหว่างก่อนใช้ และหลังใช้แนวปฏิบัติฯ วิเคราะห์ด้วยสถิติ Independent t-test

ผลการวิจัยพบว่า 1) แนวปฏิบัติการพยาบาลสตรีตั้งครรภ์ที่มีภาวะเจ็บครรภคลอดก่อนกำหนดโรงพยาบาลเชียงยืน ที่ได้พัฒนาขึ้นมีทั้งหมด 4 หมวด ดังนี้ หมวดที่ 1 ระยะการประเมิน หมวดที่ 2 ระยะการพยาบาล 24 ชั่วโมงแรก หมวดที่ 3 ระยะการพยาบาลหลัง 24 ชั่วโมง หมวดที่ 4 ระยะการจำหน่ายและการติดตามเยี่ยมบ้าน ความพึงพอใจต่อแนวปฏิบัติการพยาบาลในภาพรวมของพยาบาลวิชาชีพมีความพึงพอใจมาก การเปรียบเทียบคะแนนพฤติกรรมการป้องกันการเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนดระหว่างกลุ่มก่อนใช้และหลังใช้แนวปฏิบัติทางการพยาบาลสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.001 ผลลัพธ์ของสตรีตั้งครรภ์คลอดตามกำหนดพบร้อยละ 90.0 การกลับมารักษาซ้ำในสตรีตั้งครรภ์พบร้อยละ 10.0 และการยืดระยะเวลาของการ

ตั้งครรภ์ให้ครบกำหนดพบร้อยละ 90.0 ผลการศึกษานี้สะท้อนให้เห็นประสิทธิภาพของแนวปฏิบัติการพยาบาลที่อยู่บนหลักฐานเชิงประจักษ์ในการจัดการภาวะเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด การปรับปรุงผลลัพธ์ของผู้ป่วย และการยกระดับการปฏิบัติทางคลินิกที่โรงพยาบาลเชียงยืน

References

กระทรวงสาธารณสุข. (2566). สถิติกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข. สำนักนโยบายและแผนสาธารณสุข.

กัลยา มณีโชติ และนังคลา, นิจ์สากร. (2560). การพัฒนารูปแบบการดูแลหญิงตั้งครรภ์ที่มีภาวะเจ็บครรภ์

คลอดก่อนกำหนด โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช. วารสารกองการพยาบาล, 44(2), 7-24.

กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข. (2566). แนวทางการป้องกันการเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนดสำหรับ

ประเทศไทย. กระทรวงสาธารณสุข.

จุฬารัตน์ ห้าวหาญ, และฉวีวรรณ ศรีดาวเรือง (2564). รูปแบบการพยาบาลหญิงตั้งครรภ์ที่มีภาวะเจ็บครรภ์

คลอดก่อนกำหนด ตามกรอบมิติคุณภาพการบริการผู้คลอด. วารสารการแพทย์โรงพยาบาล

ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์, 36(3), 503-511.

ฉวี เบาทรวง. (2561). บทที่ 4 การพยาบาลสตรีที่มีถุงน้ำคร่ำแตกก่อนการเจ็บครรภ์. ใน นันทพร แสนศิริพันธ์

และฉวี เบาทรวง (บ.ก.), การพยาบาลและการผดุงครรภ์: สตรีที่มีภาวะแทรกซ้อน, พิมพ์ครั้งที่ 2 (น 143-149). บริษัท สมาร์ทโคตติ้ง แอนด์ เซอร์วิส จำกัด.

ชลธิชา รักษาธรรม. (2561). แนวปฏิบัติการดูแลสตรีตั้งครรภ์ที่มีภาวะเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนดอย่าง

ต่อเนื่อง. [วิทยานิพนธ์พยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการพยาบาลเวชปฏิบัติชุมชน ไม่ได้ตีพิมพ์].มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ.

นวรัตน์ ไวชมพู และอาภรณ์ คงช่วย. (2558).การพัฒนารูปแบบการวางแผนจำหน่ายหญิงตั้งครรภ์ที่เจ็บครรภ์คลอดก่อนก่อนกำหนด. วารสารเครือข่ายวิทยาลัยพยาบาลและการสาธารณสุขภาคใต้, 2(3), 114-128.

บุบผาชาติ เพ็ญสุขและคณะ. (2566). การพัฒนาและประเมินผลแนวปฏิบัติทางการพยาบาลสำหรับสตรี

ตั้งครรภ์ที่เจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด โรงพยาบาลสมุทรสาคร. วารสารวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สุพรรณบุรี, 6(2), 78-97.

บุศรินทร์ เขียนแม้น และคณะ. (2565). การพัฒนารูปแบบการพยาบาลหญิงตั้งครรภ์ที่มีภาวะเจ็บครรภ์คลอด

ก่อนกำหนด. วารสารวิจัยและพัฒนาระบบสุขภาพ, 15(3), 286-300.

ปณัชช์ฐิตา ขุนบุญยัง และวีระเดช เฉลิมพลประภา. (2563). ประสิทธิผลของการใช้แนวปฏิบัติทางคลินิก

สำหรับป้องกันการคลอดก่อนกำหนด ณ แผนกฝากครรภ์ โรงพยาบาลนครปฐม. วารสารวิจัย

สุขภาพและการพยาบาล, 36(2), 212-224.

ประไพรัตน์ แก้วศิริ และคณะ. (2563).การส่งเสริมศักยภาพแก่สตรีตั้งครรภ์เพื่อป้องกันภาวะเสี่ยงต่อ

การเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด:บทบาทพยาบาล. ศรีนครินทร์เวชสาร, 35(2), 238-245.

เพียงขวัญ ภูทอง. (2562). การดูแลแบบต่อเนื่องเพื่อป้องกันการคลอดก่อนกำหนด. วารสารเกื้อการุณย์,

(2), 156-68.

พรทิพย์ เรืองฤทธิ์ และสินีนาฎ หงส์ระนัย. (2565). ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดภาวะเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด

ของสตรีตั้งครรภ์โรงพยาบาลแม่สรวย จังหวัดเชียงราย. เชียงรายเวชสาร, 14(1), 44-54.

ฟองคำ ติลกสกุลชัย. (2553) การปฏิบัติการพยาบาลตามหลักฐานเชิงประจักษ์ หลักการและวิธีปฏิบัติ. พิมพ์

ครั้งที่ 6. คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล.

ศิริรัตน์ สัตนา. (2565). การพัฒนารูปแบบการป้องกันการคลอดก่อนกำหนด เครือข่ายงานอนามัยแม่และ

เด็กอำเภอบุณฑริก จังหวัดอุบลราชธานี. วารสารอนามัยสิ่งแวดล้อมและสุขภาพชุมชน, 7(2),

-116.

ภาควิชาสูติศาสตร-นรีเวชวิทยา. (2562). แนวทางเวชปฏิบัติในการดูรักษาสตรีตั้งครรภที่มีภาวะเจ็บครรภ

คลอดก่อนกำหนด พ.ศ. 2562. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพมหานคร.

คณะแพทยศาสตรศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล. (2567, 28 พฤษภาคม). ภาวะเจ็บครรภ์คลอดก่อน

กำหนด (Preterm Labor). ภาควิชาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. https://w1.med.cmu.ac.th/obgyn/lessons/preterm-labor.

หทัยกาญจน์ หวังกูล. (2564). การพัฒนารูปแบบการดูแลอย่างต่อเนื่องสำหรับสตรีตั้งครรภ์ที่มีภาวะเจ็บครรภ์

คลอดก่อนกำหนด. [วิทยานิพนธ์สาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาสาธารณสุขศาสตรมหา

บัณฑิต ไม่ได้ตีพิมพ์]. มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.

Soukup, M. (2000). The center for advance nursing practice evidence base practice model.

Nursing Clinics of North American, 35(2), 301-309.

Downloads

เผยแพร่แล้ว

2024-12-08