การศึกษาความชุกและแนวโน้มของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ คลินิกโรคผิวหนังแห่งหนึ่ง ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร

บทคัดย่อ

การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความชุกและแนวโน้มของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ในคลินิกโรคผิวหนังแห่งหนึ่ง ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร
วิธีการศึกษา การศึกษานี้เป็นการศึกษาข้อมูลย้อนหลังจากเวชระเบียนผู้ป่วยที่เข้ารับบริการที่คลินิกโรคผิวหนังแห่งหนึ่ง ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยผู้รับบริการเป็นกลุ่มที่มีที่อยู่อาศัยในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด โดยเก็บรวบรวมข้อมูลระหว่างปี พ.ศ. 2563 ถึง 2567 การวิเคราะห์ข้อมูลแบ่งเป็นกลุ่มตามอายุ รายโรค และพื้นที่อยู่อาศัย พร้อมทั้งการเปรียบเทียบแนวโน้มการเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
ผลการศึกษาพบว่า กลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้รับบริการจำนวน 165 ราย ซึ่งได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร คือกลุ่มวัยผู้ใหญ่ (36-59 ปี) ร้อยละ 15.76 รองลงมาคือกลุ่มวัยผู้ใหญ่ตอนต้น (19-35 ปี) ร้อยละ 14.55 โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบบ่อยสุดคือ โรคหูดเกิดจากเชื้อไวรัส ร้อยละ 31.52 รองลงมาคือโรคหูดของทวารหนักและอวัยวะเพศ (จากเพศสัมพันธ์) ร้อยละ 7.88 ส่วนผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัด พบมากที่สุดคือกลุ่มวัยผู้ใหญ่ตอนต้น (19-35 ปี) ร้อยละ 15.76 รองลงมาคือกลุ่มวัยผู้ใหญ่ (36-59 ปี) ร้อยละ 15.15 โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบบ่อยสุดคือ โรคหูดเกิดจากเชื้อไวรัส ร้อยละ 29.09 และรองลงมาคือโรคหูดข้าวสุก ร้อยละ 5.45 ในปี 2567 ความชุกของโรคเท่ากับ 3.98 ต่อประชากร 100,000 คน ซึ่งเขตคลองสามวา มีอัตราการเกิดโรคสูงสุดที่ 31.88 ต่อประชากร 100,000 คน รองลงมาคือเขตบางเขน 12.46 ต่อประชากร 100,000 คน ส่วนการวิเคราะห์แนวโน้มการเกิดโรคในปี 2563 ถึง 2567 จากการพยากรณ์โดยใช้แบบจำลอง ARIMA พบว่าในปี 2568 จะมีจำนวนผู้รับบริการด้วยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในอัตราคงที่หรือจำนวนไม่แตกต่างจากปี 2567 ในคลินิกโรคผิวหนังแห่งหนึ่ง กรุงเทพมหานคร และมีค่า MAPE เท่ากับ 24.285 แปลผลได้ว่าแบบจำลองมีความแม่นยำอยู่ในเกณฑ์ดี ความแม่นยำในการพยากรณ์ประมาณร้อยละ 75.715
สรุปการศึกษานี้แสดงให้เห็นถึงการเข้ารับการรักษาของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่มารับบริการในคลินิกโรคผิวหนังแห่งหนึ่ง พื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งอาจจะสะท้อนถึงปัญหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และการกระจายของโรค รวมถึงประชาชนอาจขาดความรู้หรือการตระหนักของการเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่สามารถป้องกันได้ การให้ความรู้และการเข้าถึงบริการสุขภาพที่มีประสิทธิภาพจึงมีความสำคัญในการควบคุมการระบาดของโรคเหล่านี้ในอนาคต