ความชุกของการถูกรังแกของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 – 6 ในโรงเรียนเขตเทศบาลนครราชสีมา
คำสำคัญ:
การรังแกในโรงเรียน, นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 – 6บทคัดย่อ
ความเป็นมา: การรังแกเป็นปัญหาที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ เนื่องจากการรังแกส่งผลเสียต่อทั้งด้านร่างกาย และ จิตใจ ซึ่งความเข้าใจถึงปัญหาการรังแกในโรงเรียนจะช่วยให้สามารถป้องกันปัญหาได้
วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาความชุกของการถูกรังแกของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 – 6 ในโรงเรียนเขตเทศบาลนครราชสีมา
วิธีการศึกษา:.การศึกษาเชิงพรรณนาโดยเก็บข้อมูลจากนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 – 6ในโรงเรียนเขตเทศบาลเมืองนครราชสีมา ปีการศึกษา 2564 เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสอบถาม 5 ส่วน ได้แก่ ข้อมูลส่วนบุคคลข้อมูลด้านสภาพแวดล้อม ข้อมูลเกี่ยวกับการถูกรังแก การพบเห็นการถูกรังแก และ การรังแกผู้อื่นในโรงเรียนโดยอ้างอิงจากการทบทวนวรรณกรรมพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องรวมไปถึงปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลให้เกิดการรังแกในโรงเรียน
ผลการศึกษา: นักเรียนทั้งหมด 336 คน มีนักเรียนถูกรังแก 51 คน (ร้อยละ 15) เป็นเพศชาย 25 คน (ร้อยละ 49) เพศหญิง 26 คน (ร้อยละ 51) พบว่าการศึกษาของผู้ปกครอง การเลี้ยงดู และการพบเห็นความรุนแรงในครอบครัว สัมพันธ์กับการถูกรังแกในโรงเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ รูปแบบการรังแกที่เกิดขึ้นมากที่สุด คือการใช้คำพูดหยาบคาย ล้อเลียนที่ทำให้เจ็บปวด หรือ เสียใจ การถูกรังแกมักเกิดจากนักเรียนระดับชั้นเดียวกัน
สรุป: การรังแกพบได้อย่างแพร่หลายในปัจจุบัน และพบมากขึ้นในเด็กประถมศึกษา การให้ความรู้ และมีแนวทางการช่วยเหลือ และป้องกันการรังแกกันอย่างเหมาะสม จะช่วยลดการเกิดผลเสียต่อเด็กได้
Downloads
References
เขมิกา เขมะกนก สุดนาวา, วีระศักดิ์ ชลไชยะ, จริยา ทะรักษา. การรังแกในเด็กและวัยรุ่น. สมาคมกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย. [เข้าถึงเมื่อ 14 ม.ค.2563]. เข้าถึงได้จาก: http://www.thaipediatrics.org/Media/media-20200127111610.pdf
สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์, กรมสุขภาพจิต, กระทรวงสาธารณสุข. คู่มือการปฎิบัติสำหรับการดำเนินการป้องกัน และการจัดการการรังแกกันในโรงเรียน. กรุงเทพฯ: บริษัท บียอนด์ พับลิสซิ่ง จำกัด, 2561.หน้า 1 – 13.
Stop Bullying gov. What is bullying. [cited 16 DEC 2020]. Available from: https://www.stopbullying.gov/bullying/what-is-bullying
Salmon S, Turner S, Taillieu T, Fortier J, Afifi T. Bullying victimization experiences among middle and high school adolescents: Traditional bullying, discriminatory harassment, and cybervictimization. J Adolesc. 2018; 63:29-40.
Kim Y S, Koh YJ, Leventhal BL. Prevalence of school bullying in Korean middle school students. Arch Pediatr Adolesc Med. 2004;158:737-41.
ธิดารัตน์ ปุรณะชัยคีรี, สิรินัดดา ปัญญาภาส, ฐิตวี แก้วพรสวรรค์. กลยุทธในการแก้ปัญหาการถูกรังแกของเด็ก นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาตอนปลาย วารสารสมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย. 2558; 60: 275-86.
ศุภรดา ชุมพาลี,ทัศนา ทวีคูณ.พฤติกรรมรังแกกันของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ของจังหวัดหนึ่งในภาคกลาง ประเทศไทย. The Journal of Psychiatric Nursing and Mental Health 2019; 33:1-21.
ฉันท์สุดา พงศ์พันธุ์ภักดี. ความก้าวร้าว ความรุนแรง และ การรังแกผู้อื่น. ใน: รสวันต์ อารีมิตร, บรรณาธิการ. ตำราเวชศาสตร์วัยรุ่น. พิมพ์ครั้งที่ 1. นนทบุรีห้างหุ้นส่วนจำกัด ภาพพิมพ์; 2559. หน้า 613-23.
รุ่งรัตน์ สุขะเดชะ. การอบรมเลี้ยงดูเด็กของครอบครัวไทย: การทบทวนวรรณกรรมแบบบูรณาการอย่างเป็นระบบ. วารสารพยาบาลศาสตร์และสุขภาพ. 2563;43:1-9.
เฉลิมศรี ตั้งสกุลธรรม. การศึกษาเปรียบเทียบรูปแบบของการอบรมเลี้ยงดูและความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลของเด็กวัยรุ่นในเขตกรุงเทพมหานคร [วิทยานิพนธ์]. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยรามคำแหง; 2544.
Pengpid S, Peltzer K. Bullying and its associated factors among school-aged adolescents in Thailand. The ScientificWorld Journal 2013;2013:254083.
Han Z, Zhang G, Zhang H. School Bullying in Urban China: Prevalence and Correlation with School Climate. Int J Environ Res Public Health. 2017;14(10):1116.
Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License
Copyright (c) 2024 ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย และ สมาคมกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.