ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อการป้องกันตนเองจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ในเขตสุขภาพที่ 8 อุดรธานี
คำสำคัญ:
โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019, นักเรียนชั้นมัธยมศึกษา, ความรู้, ทัศนคติ, พฤติกรรมบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความรู้ ทัศนคติ พฤติกรรมการป้องกันตนเองจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และความสัมพันธ์ระหว่างความรู้ ทัศนคติกับพฤติกรรมการป้องกันตนเองจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของนักเรียนในเขตสุขภาพที่ 8 ใช้รูปแบบการวิจัยพรรณนา ประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้คือ นักเรียนในโรงเรียนมัธยม ในเขตสุขภาพที่ 8 กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 461 คน ศึกษาระหว่างเดือนมีนาคม ถึง เดือนธันวาคม พ.ศ.2565 เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามออนไลน์ ประกอบด้วย 6 ส่วน ได้แก่ ข้อมูลส่วนบุคคล แบบวัดความรู้ แบบวัดการรับรู้โอกาสเสี่ยงของการเกิดโรค แบบวัดการรับรู้ความรุนแรงของโรค แบบวัดทัศนคติในการป้องกันตัวเอง และแบบวัดพฤติกรรมการป้องกันโรค วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา และวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร ได้แก่ สถิติไคสแควร์ และสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน
ผลการวิจัยครั้งนี้ พบว่า ความรู้ การรับรู้โอกาสเสี่ยง ทัศนคติ และพฤติกรรมอยู่ในระดับสูง ส่วนการรับรู้ความรุนแรงของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 อยู่ในระดับปานกลาง ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคล ความรู้ และทัศนคติกับพฤติกรรมการป้องกันโรคไวรัส โคโรนา 2019 พบว่า ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้แก่ ปัจจัยส่วนบุคคล และระดับความรู้เกี่ยวกับโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ส่วนระดับทัศนคติในการป้องกันตัวเองจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ไม่มีความสัมพันธ์ทางสถิติกับพฤติกรรมการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ข้อเสนอแนะ ควรมีการศึกษาวิจัยเชิงคุณภาพ เพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐาน ในการหาสาเหตุ ลักษณะของอาการที่เกิดจากโรค เพื่อส่งเสริมพฤติกรรมป้องกันจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และพัฒนาโปรแกรมที่ช่วยส่งเสริมพฤติกรรมการป้องกันเชื้อโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 รวมถึงสถานบริการควรส่งเสริมเกี่ยวกับความรู้ และพฤติกรรมในการป้องกันโรคในหลายช่องทางให้แก่กลุ่มที่อยู่นอกระบบการศึกษา เพื่อป้องกันการระบาดของโรคอย่างมีประสิทธิภาพ