ปริมาณรังสีใต้ก้อนตะกั่ว จากการฉายรังสีแบบ Split field ด้วยเครื่องโคบอลต์-60

Main Article Content

อัจฉรี ศรีนุเคราะห์

บทคัดย่อ

ภูมิหลัง:  ปริมาณรังสีที่อวัยวะสำคัญใต้ก้อนตะกั่วได้รับจากการฉายรังสีแบบ spilt field โดยใช้เครื่องโคบอลต์ -60 อาจคำนวณทางอ้อมได้ด้วยมือ แต่ใช้เวลานาน หรืออาจใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ แต่มีราคาสูงมาก นอกจากนี้ ข้อมูลทางรังสีฟิสิกส์ของเครื่องโคบอลต์-60 แต่ละเครื่อง และความสามารถในการปิดกั้นรังสีของก้อนตะกั่วแต่ละชุดก็อาจแตกต่างกัน วัตถุประสงค์:  เพื่อศึกษาปริมาณรังสีใต้ก้อนตะกั่ว หนา 5 เซนติเมตร ที่มีความกว้างประมาณ 4.6 เซนติเมตร ที่ระยะ 80 เซนติเมตร จากต้นกำเนิดรังสี ในการฉายรังสีแบบ split field เทคนิค source-axis distance ด้วยเครื่องโคบอลต์-60 ยี่ห้อ Theratron รุ่น 780C วัสดุและวิธีการ:  หา % primary transmission ของก้อนตะกั่ว แล้วหา % transmitted dose ใต้ก้อนตะกั่วในตัวกลางน้ำ ด้วยหัววัดรังสี Ionization chamber NE 0.60 cc Robust Farmer 2581 (polystyrene cap)่ เมื่อก้อนตะกั่วอยู่ในแนวแกนกลางลำรังสี และเบี่ยงเบนจากแกนกลางลำรังสี 1 ถึง 4 เซนติเมตร ด้วยขนาดลำรังสี 10x10 ถึง 25x25 ตารางเซนติเมตร ที่ระดับความลึก 0.811 ถึง 11.811 เซนติเมตร ผลการศึกษา% primary transmission ของก้อนตะกั่วมีค่าประมาณ 4% ค่า % transmitted dose จากขนาดลำรังสีและระดับความลึกในการศึกษาครั้งนี้ มีค่าน้อยที่สุด 5.2113% ที่ความลึก 0.811 เซนติเมตร ด้วยขนาดลำรังสี 10x10 ตารางเซนติเมตร และเบี่ยงเบนจากแกนกลางลำรังสี 4 เซนติเมตร และมีค่ามากที่สุด 21.7730% ที่ความลึก 11.811 เซนติเมตร ด้วยขนาดลำรังสี 25x25 ตารางเซนติเมตร ในแนวแกนกลางลำรังสี สรุปก้อนตะกั่วที่ใช้สามารถลดปริมาณรังสีลงได้ประมาณ 96% ปริมาณรังสีใต้ก้อนตะกั่ว ขึ้นกับขนาดลำรังสีที่เปิด, ตำแหน่งที่ปิดกั้นรังสี และระดับความลึก

Article Details

How to Cite
1.
ศรีนุเคราะห์ อ. ปริมาณรังสีใต้ก้อนตะกั่ว จากการฉายรังสีแบบ Split field ด้วยเครื่องโคบอลต์-60. MNRHJ [อินเทอร์เน็ต]. 26 กันยายน 2024 [อ้างถึง 30 มิถุนายน 2025];31(2):105-12. available at: https://he04.tci-thaijo.org/index.php/MNRHJ/article/view/1981
บท
นิพนธ์ต้นฉบับ

References

พวงทอง ไกรพิบูลย์.บทนำรังสีรักษาคลินิก. ใน: พวงทอง ไกรพิบูลย์, วิภา บุญกิตติเจริญ, จีระภา ตันนานนท์, บรรณาธิการ. ตำรารังสีรักษา: ฟิสิกส์'ชีวรังสึการรักษาพยาบาลผู้ป่วย. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพมหานคร: ไทยวัฒนาพานิช; 2534. หน้า 95-103.

Khan FM, Potish RA, editors. Treatment planning in radiation oncology. Baltimore: William & Wikins; 19998.

Khan FM. The physics of radiation therapy. 3rd ed. Philadelphia: Lippincott; 2003.

Johns HE. The physics of radiology. 4th ed. Springfield: Charles C Thomas; 1983.

Dobbs J, Barrett A, Ash D, editors. Practical radiotherapy planning. 3rd ed. London: Arnold; 1999.

Durant JR, Omura GA. Gynecologic neoplasms In: Calabresi P, Schein PS, cditors. Modical oncology: basic principle and clinical management of cancer. 2nd ed. New York: McGraw-Hill; 1993 p. 851-82.

Cohen M, Mitchell JS, editors. Cobalt-60 teletherapy: a compendium of international practice. Vienna: IAEA;1984.

International Atomic Energy Agency. Absorbed dose determination in photon and electron beams: an international code of practice. Vienna: LAEA; 1987 IAEA technical reports series. no. 277.

International Atomic Energy Agency. Absorbod dose determination in external beam radiotherapy: an intemational code of practice for dosimetry based on standards of absorbed dose to water. Vienna: IAEA; 2000. LAEA technical reports series. no. 398.