triage การพัฒนารูปแบบคุณภาพการคัดแยกผู้ป่วยตามความเร่งด่วนแผนกอุบัติเหตุและฉุกเฉิน โรงพยาบาลพุทธโสธร ฉะเชิงเทรา

ผู้แต่ง

  • supanee kraikul รพ.พุทธโสธร ฉะเชิงเทรา

บทคัดย่อ

บทคัดย่อ
บทนำ: การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงคุณภาพการคัดแยกผู้ป่วยตามความเร่งด่วนแผนกอุบัติเหตุและฉุกเฉิน
โรงพยาบาลพุทธโสธร จังหวัดฉะเชิงเทราให้สอดคล้องตามระบบของกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข

ได้กำหนดแนวทางการจัดบริการห้องฉุกเฉิน ด้วยระบบMOPH ED triage ซึ่งเป็นการคัดแยกแบบ 5ระดับ
เพื่อให้ผู้ป่วยได้เข้าถึงการรักษาตามระดับความเร่งด่วน
โดยพัฒนาแบบฟอร์มการคัดแยกผู้ป่วยเพื่อให้ง่ายต่อการซักประวัติ เนื่องจาก
เจ้าหน้าที่พยาบาลประจำจุดคัดแยกผู้ป่วย1คน ได้เปลี่ยนไปตามเวรเช้า เวรบ่ายและเวรดึก
ต่ออัตราผู้ป่วยที่เข้ามารับบริการจำนวนมาก

วัตถุประสงค์: เพื่อพัฒนารูปแบบการคัดแยกผู้ป่วยห้องฉุกเฉินให้รับบริการตามระดับความเร่งด่วนได้ตรงตามแนวทางอย่างมี
ประสิทธิภาพโดยใช้ดัชนีความรุนแรงฉุกเฉิน
วิธีการศึกษา: เป็นการวิจัยเชิงพรรณนาโดยศึกษาแบบย้อนหลัง ปี พ.ศ.2564 ก่อนการใช้แบบฟอร์มการคัดแยกที่พัฒนาขึ้น
อย่างมีรูปแบบ โดยเปรียบเทียบกับปี พ.ศ.2565 หลังการใช้แบบฟอร์มที่พัฒนาในการคัดแยกแล้ว ประชากร คือ
จำนวนผู้ป่วยทั้งหมดที่เข้ารับบริการ ณ แผนกอุบัติเหตุและฉุกเฉิน โรงพยาบาลพุทธโสธร จังหวัดฉะเชิงเทรา
วิเคราะห์ข้อมูลเชิงเนื้อหาและปริมาณ ด้วยความถี่ร้อยละ ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าสถิติ Two sample
Assuming Unequal variances ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ 0.05
ผลการศึกษา: รูปแบบฟอร์มการคัดแยกผู้ป่วยตามความเร่งด่วน ได้มาจำแนกผู้ป่วยเป็น 5ประเภท โดยพบว่าประชากรปี
พ.ศ.2564 ที่ยังไม่มีแบบฟอร์มการคัดแยกที่มีรูปแบบอย่างชัดเจนพบว่ามีผู้ป่วยทั้งหมดเข้าบริการแผนกอุบัติ
เหตุและฉุกเฉิน โรงพยาบาลพุทธโสธรจังหวัดฉะเชิงเทรา มีจำนวน 37,768 คน แบ่ง 5 ประเภท ประเภทที่1
สีแดง คือผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต3,879 คน ร้อยละ10.27 ประเภทที่2 สีชมพู คือ ผู้ป่วยฉุกเฉินจำนวน 8,798 คน
ร้อยละ29.29 ประเภทที่3 สีเหลือง คือ ผู้ป่วยฉุกเฉินเร่งด่วน จำนวน 13,676 คน ร้อยละ36.21 ประเภทที่ 4 สี
เขียว คือผู้ป่วยฉุกเฉินไม่รุนแรง จำนวน8,291คน ร้อยละ 21.95 ประเภทที่5 สีขาว คือผู้ป่วยทั่วไป จำนวน
3,124 คน ร้อยละ 8.27 แล้วนำการคัดแยกทั้ง 5ประเภท มาประเมินระดับคุณภาพการคัดแยก ออกเป็น
3 ระดับ ระดับ คือประเมินผู้ป่วยได้ถูกต้อง(proper triage) จำนวน30,987 คน ร้อยละ 82.05 ระดับที่ 2 คือ
ประเมินต่ำกว่าเกณฑ์(Under triage) จำนวน 2,816 คน ร้อยละ 7.46 ระดับที่ 3 คือ ประเมินผู้ป่วยได้สูงกว่า
เกณฑ์ (Over triage) จำนวน 3,965 คน ร้อยละ 10.5 โดยเปรียบเทียบกับประชากรการคัดแยกปีพ.ศ.2565
ที่มีการพัฒนาแบบฟอร์มการคัดแยกอย่างมีรูปแบบได้นำใช้กับผู้ป่วย ทั้งหมดที่เข้ารับบริการ จำนวน 43,205
คน ประเภทที่1 สีแดง คือ ผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต 5,768 คน ร้อยละ13.35 ประเภทที่2 สีชมพู คือ ผู้ป่วยฉุกเฉิน
จำนวน 7,966คน ร้อยละ 18.43 ประเภทที่ 3 สีเหลือง คือ ผู้ป่วยฉุกเฉินเร่งด่วน จำนวน 14,599 คนร้อยละ
33.8 ประเภทที่ 4 สีเขียว คือผู้ป่วยฉุกเฉินไม่รุนแรง จำนวน 8,792 คน ร้อยละ 20.35 ประเภทที่ 5 คือ

สีขาว คือผู้ป่วยทั่วไป จำนวน 6,080 คน ร้อยละ 14.07แล้วนำการคัดแยกทั้ง 5ประเภทของปี พ.ศ.2565
ผลการศึกษา: ออกเป็น 3 ระดับ ระดับที่1 คือประเมินผู้ป่วยได้ถูกต้อง(proper triage) จำนวน35,787คน ร้อยละ 82.8
ระดับที่ 2 คือ ประเมินผู้ป่วยได้ต่ำกว่าเกณฑ์(Under triage) จำนวน 5,343 คน ร้อยละ12.37 ระดับที่ 3
คือ ประเมินผู้ป่วยได้สูงกว่าเกณฑ์(Over triage) จำ2,075นวน คน ร้อยละ4.8
จากประชากรสองกลุ่มไม่เท่ากัน จึงใช้สถิติ t-test Two sample Assuming Unequal variances
จากค่า t-stat= -0.12817 เปรียบเทียบกับค่า t Critical two-tail= 2.776445 พบว่าค่า t-stat
(โดยไม่พิจารณาเครื่องหมายลบ) น้อยกว่าค่า Critical two-tail จึงยอมรับสมมติ นั่นคือ แบบฟอร์ม
การคัดแยกอย่างเดียวไม่สามารถปรับระดับคุณภาพการคัดแยกได้
สรุป: แบบฟอร์มการคัดแยกที่มีรูปแบบชัดเจนอย่างเดียวไม่สามารถช่วยปรับระดับคุณภาพการคัดแยกให้ดีขึ้นได้
จึงสมควรศึกษาปัจจัยอื่นๆที่เกี่ยวข้องต่อไป
คำสำคัญ: การคัดแยกผู้ป่วย , ระดับคุณภาพการคัดแยก , ผู้ป่วยฉุกเฉิน

เผยแพร่แล้ว

2024-06-21