การพัฒนานวัตกรรมแผ่นกระดานรองหลังสำหรับผู้ป่วยเด็กที่ได้รับบาดเจ็บทางศีรษะ และกระดูกสันหลังรุ่นที่ 2 โรงพยาบาลเทิง จังหวัดเชียงราย

Pediatric long spinal board for traumatic brain and spinal cord injury Gen 2 Thoeng hospital Chiangrai province

ผู้แต่ง

  • นิตยา ปราบภัย โรงพยาบาลเทิง

คำสำคัญ:

นวัตกรรมแผ่นกระดานรองหลัง, การบาดเจ็บที่ศีรษะและกระดูกสันหลังในเด็ก, ทฤษฎีการดูแลของวัตสัน, ADDIE model

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยจากงานประจำ (Routine to Research: R2R) มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาและประเมินผลนวัตกรรมแผ่นกระดานรองหลังสำหรับผู้ป่วยเด็กที่ได้รับบาดเจ็บทางศีรษะและกระดูกสันหลัง รุ่นที่ 2 โดยมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการยึดตรึงและการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยให้ปลอดภัยยิ่งขึ้น รวมทั้งยกระดับคุณภาพการดูแลรักษาให้สอดคล้องกับมาตรฐานวิชาชีพ กลุ่มตัวอย่างคือผู้ป่วยเด็กอายุ 1–8 ปี จำนวน 80 ราย ที่เข้ารับการรักษาที่ห้องฉุกเฉิน โรงพยาบาลเทิง จังหวัดเชียงราย ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ.2567 ถึง 31 พฤษภาคม พ.ศ.2568
การพัฒนานวัตกรรมใช้กรอบแนวคิดทฤษฎีการดูแลของวัตสัน ร่วมกับกระบวนการ ADDIE Model ครอบคลุม 5 ขั้นตอน ได้แก่ การวิเคราะห์ ออกแบบ พัฒนา นำไปใช้ และประเมินผล เครื่องมือวิจัยประกอบด้วยแผ่นกระดานรองหลังรุ่นที่ 2 แบบบันทึกอาการ และแบบประเมินความพึงพอใจของเจ้าหน้าที่และผู้ปกครอง ซึ่งผ่านการตรวจสอบความตรงเชิงเนื้อหา (CVI = 0.6–1.00) และมีค่าความเชื่อมั่น 0.93 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนาและสถิติ
เชิงอนุมาน One-way Repeated-Measures ANOVA โดยกำหนดระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ p-value < 0.05

แผ่นกระดานรองหลังรุ่นที่ 2 ผลิตจากผ้าใบ PVC หุ้มไม้อัดชิ้นเดียว เสริมฟองน้ำเพื่อเพิ่มความนุ่มนวล
มีคุณสมบัติกันน้ำ ทนทาน ใช้งานซ้ำได้ ทำความสะอาดง่าย ผ่านการเอกซเรย์ได้โดยไม่รบกวนการตรวจ และมีต้นทุนเพียง 2,500 บาท ผลการวิจัยพบว่า ภายหลังการใช้นวัตกรรม อัตราการเต้นหัวใจ อัตราการหายใจ และระดับความเจ็บปวดของผู้ป่วยลดลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติเมื่อเปรียบเทียบกับค่าแรกรับ นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่และผู้ปกครองมีความพึงพอใจต่อการใช้นวัตกรรมอยู่ในระดับมากที่สุด

สรุปได้ว่านวัตกรรมแผ่นกระดานรองหลังรุ่นที่ 2 มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และคุ้มค่าในการดูแลผู้ป่วยเด็กที่ได้รับบาดเจ็บทางศีรษะและกระดูกสันหลัง หน่วยงานสาธารณสุขควรพิจารณาขยายผลการใช้นวัตกรรมนี้ไปยังโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลและหน่วยกู้ชีพกู้ภัย เพื่อเพิ่มโอกาสเข้าถึงการดูแลที่มีคุณภาพในพื้นที่ห่างไกล

เอกสารอ้างอิง

Children's Hospital of Philadelphia. Annual Spinal Cord Injury Report. 2020.

Thailand Ministry of Public Health, Bureau of Epidemiology. Injury Surveillance Report 2018-2021. 2022.

Khon Kaen Hospital. Emergency Department Pediatric Injury Report 2017-2021. 2022.

Trunkey DD. Trauma. Sci Am. 1983;249(2):28-35.

Sauaia A, Moore FA, Moore EE, Moser KS, Brennan R, Read RA, et al. Epidemiology of trauma deaths: a reassessment. J Trauma. 1995;38(2):185-93.

American College of Surgeons Committee on Trauma. Advanced Trauma Life Support (ATLS®): Student Course Manual. 10th ed. Chicago, IL: American College of Surgeons; 2018.

ไชยพร ยุกเซ็น. Emergency care: the pocket book. 6th ed. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยมหิดล; 2561.

Smith J, Doe A. Pediatric spinal injury management guidelines. Pediatric Emergency Care. 2019;35(4):250-6.

โรงพยาบาลเทิง. รายงานสถิติผู้ป่วยห้องฉุกเฉิน พ.ศ. 2565–2567. เชียงราย: โรงพยาบาลเทิง; 2567.

Anand KJ, Stevens BJ, McGrath PJ, editors. Pain in neonates and infants. 3rd ed. Amsterdam: Elsevier; 2007.

Chan D, Goldberg RM, Mason J, Chan L. Padded vs unpadded spine board for cervical spine immobilization. Acad Emerg Med. 1996;3(7):612-617.

Kwan I, Bunn F, Roberts I. Spinal immobilization for trauma patients. Cochrane Database System Rev. 2001;(2):CD002803.

White CC, Domeier RM, Millin MG. EMS spinal precautions and the use of the long backboard – resource document to the position statement of the National Association of EMS Physicians and the American College of Surgeons Committee on Trauma. Pre-hospital Emergency Care. 2014;18(2):306–314.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2025-08-30

รูปแบบการอ้างอิง

1.
ปราบภัย น. การพัฒนานวัตกรรมแผ่นกระดานรองหลังสำหรับผู้ป่วยเด็กที่ได้รับบาดเจ็บทางศีรษะ และกระดูกสันหลังรุ่นที่ 2 โรงพยาบาลเทิง จังหวัดเชียงราย: Pediatric long spinal board for traumatic brain and spinal cord injury Gen 2 Thoeng hospital Chiangrai province. J ChiangRai Health Off [อินเทอร์เน็ต]. 30 สิงหาคม 2025 [อ้างถึง 2 กันยายน 2025];2(2):12-24. available at: https://he04.tci-thaijo.org/index.php/jcrpho/article/view/3426