ผลของโปรแกรมส่งเสริมความเชื่อด้านสุขภาพต่อพฤติกรรมการป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง ของกลุ่มเสี่ยงในชุมชน โรงพยาบาลเจ้าคุณไพบูลย์ พนมทวน

ผู้แต่ง

  • กาญจนา ศรีวลีรัตน์ โรงพยาบาลเจ้าคุณไพบูลย์ พนมทวน

คำสำคัญ:

กลุ่มเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง, โปรแกรมส่งเสริมความเชื่อด้านสุขภาพ, พฤติกรรมการป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง

บทคัดย่อ

การวิจัยกึ่งทดลองแบบกลุ่มเดียววัดก่อนหลังการทดลองนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบคะแนนเฉลี่ยพฤติกรรมการป้องกันโรคหลอดเลือดสมองของกลุ่มเสี่ยงในชุมชนก่อนและหลังการได้รับโปรแกรมส่งเสริมความเชื่อด้านสุขภาพ กลุ่มตัวอย่างคือผู้ที่มีอายุระหว่าง 35-59 ปี และได้รับการคัดกรองว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง จำนวน 30 คน ที่มารับบริการและอาศัยอยู่ในเขตรับผิดชอบของโรงพยาบาลเจ้าคุณไพบูลย์ พนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี โดยการคัดเลือกแบบเฉพาะเจาะจง ดำเนินการระหว่างวันที่ 20 ธันวาคม – 28 ธันวาคม 2567 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วยโปรแกรมส่งเสริมความเชื่อด้านสุขภาพซึ่งผู้วิจัยได้พัฒนามาจากแนวคิดแบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพ (Health Belief Model) ของเบคเกอร์ และ ไมแมน และเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบสอบถามพฤติกรรมการป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง มีค่าความเชื่อมั่นสัมประสิทธิ์แอลฟาครอนบาค เท่ากับ 0.85 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนาและสถิติ Paired Sample T-test ผลการวิจัยพบว่า หลังจากกลุ่มตัวอย่างเข้าร่วมโปรแกรมส่งเสริมความเชื่อด้านสุขภาพ คะแนนเฉลี่ยพฤติกรรมการป้องกันโรคหลอดเลือดสมองของกลุ่มตัวอย่าง (M =3.21, SD=0.96) สูงกว่าก่อนการใช้โปรแกรมส่งเสริมความเชื่อด้านสุขภาพ (M = 2.88, SD= 0.79) (p-value <0.001) งานวิจัยแสดงให้เห็นว่าโปรแกรมส่งเสริมความเชื่อด้านสุขภาพส่งผลให้กลุ่มเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองเกิดทักษะและสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดสมองได้ ซึ่งจะนำไปสู่แนวทางการส่งเสริมสุขภาพ การปฏิบัติตัวที่ถูกต้องเบื้องต้นและลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง

References

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. (2563). รายงานสถานการณ์โรค NCDs เบาหวาน ความดันโลหิตสูงและปัจจัยเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง พ.ศ. 2563.กรุงเทพฯ: กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข.

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. (2564). คู่มือกระบวนการสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพในการป้องกันควบคุมโรคและภัยสุขภาพ.https://ddc.moph.go.th.

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข.รายงานตัวชี้วัด ปี 2566 [ออนไลน์] เข้าถึงจากhttps://medinfo.dms.go.th/publichealth/kpi.php?kpi_year=2566 [เข้าถึงเมื่อ 1 พฤศจิกายน2566].

กองยุทธศาสตร์และแผนงานสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข. (2566). สถิติสาธารณสุข พ.ศ.2562. นนทบุรี

กองสุขศึกษา. แนวทางการดำเนินงานเฝ้าระวัง พฤติกรรมสุขภาพ. กรุงเทพมหานคร: ยี่สิบห้า มีเดีย จํากัด; 2565.

กองโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. (2564). คู่มือแนวทางการดำเนินงาน NCD Clinic Plus & Online. นนทบุรี: อักษรกราฟฟิคแอนด์ดีไซน์.

จรรจา สันตยากร. (2554). การจัดการดูแลโรคหลอดเลือดสมองในชุมชน : แนวคิดและประสบการณ์พยาบาลในชุมชน. พิษณุโลก: โรงพิมพ์ตระกูลไทย.

จารุวรรณ จันดาหงส์. (2565). ผลของโปรแกรมส่งเสริมความเชื่อด้านสุขภาพต่อพฤติกรรมการป้องกันโรคหลอดเลือดสมองของกลุ่มเสี่ยงในชุมชน. (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.

จุฑาทิพย์ เทพสุวรรณ, วีนัส ลีฬหกุล และทิพา ต่อสกุลแก้ว. (2562). The effects of recurrent prevention program for stroke patients at a tertiary level hospital in Nakhon Pathom Province. วารสารสมาคมโรคหลอดเลือดสมองไทย, 17(1), 5-18.

ณฐกร นิลเนตร. (2562). ปัจจัยเสี่ยงและการป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง ในกลุ่มผู้ป่วยความดันโลหิตสูง.วารสารพยาบาลทหารบก, 20(2), 51-57.

ณีรนุช วรไธสง, อนุวัฒน์ สุรินราช, จิราภรณ์ จําปาจันทร์, ศิริลักษณ์ วงค์เครือสอน, ลัดดาวรรณ บุระเนตร, ดวงกมล พลวงค์ษา และลัดดาวรรณ เคี้ยมก้อม. (2566). ผลของโปรแกรมป้องกันความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองในผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงที่อาศัยอยู่ในชุมชน. วารสารวิชาการสุขภาพและสิ่งแวดล้อม,1(10), 1-13.

ณัฐนันท์ คำพิริยะพงศ์ และศิริพันธุ์ สาสัตย์. (2560). ผลของโปรแกรมความเชื่อด้านสุขภาพต่อพฤติกรรมการใช้ยาในผู้สูงอายุโรคความดันโลหิตสูง. วารสารแพทย์นาวี, 44(3), 67-83.

นิพนธ์ พวงวรินทร์. (2544). โรคหลอดเลือดสมอง (พิมพ์ครั้งที่2). กรุงเทพฯ: เรือนแก้วการพิมพ์.

นันวลัย ไชยสวัสดิ์ และสถิร จินดาวงศ์. (2563). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการดูแลตนเองของผู้ป่วยโรคเส้นเลือดในสมองตีบ โรงพยาบาลกระแสสินธุ์ จังหวัดสงขลา. วารสารมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์, 9(3), 70-82.

ปณวัตร สันประโคน, อรนุช ชูศรี และศรีสุดา วงศ์วิเศษกุล. (2561). ผลของโปรแกรมการสร้างความเชื่อด้านสุขภาพในผู้สูงอายุกลุ่มเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจในชุมชน. วารสารพยาบาลกระทรวงสาธารณสุข, 28(3),

ปิยะนุช จิตตนูนท์, อาภรณ์ทิพย์ บัวเพ็ชร์, พิมพิศา ศักดิ์สองเมือง, วิชัย อารับ, สุวนิตย์ วงศ์ยงค์ศิลป์ และญนัท วอลเตอร์. (2564). ความรู้โรคหลอดเลือดสมองและพฤติกรรมป้องกันของกลุมเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง: กรณีศึกษาตำบลห้วยนาง จังหวัดตรัง. วารสารพยาบาลสงขลานครินทร์, 41(2), 13–25.

ยุทธนา ชนะพันธ์ และดาริวรรณ เศรษฐีธรรม. (2561). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการป้องกันโรค หลอดเลือดสมองในผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี. วารสารโรงพยาบาลสกลนคร, 21(2), 109-119.

วรารัตน์ ทิพย์รัตน์, โสภิต สุรรณเวลา และวราณี สัมฤทธิ์. (2560). ผลของโปรแกรมการสร้างความตระหนักรู้ต่อพฤติกรรมการป้องกันโรคหลอดเลือดสมองของผู้ป่วยความดันโลหิตสูงในเขต อำเภอเมือง จังหวัดตรัง. วารสารเครือข่ายวิทยาลัยพยาบาลและการสาธารณสุขภาคใต้, 44(2), 94-107.

วิไลเลิศ คําตัน. (2562). การจัดการตนเองของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง: การประยุกต์ใช้หลักฐานเชิงประจักษ์. วารสารสภาการพยาบาล, 34(1), 25-41.

สมาคมความดันโลหิตสูงแห่งประเทศไทย. (2562). แนวทางการรักษาโรคความดันโลหิตสูงในเวชปฏิบัติทั่วไป2562. สมาคมความดันโลหิตสูงแห่งประเทศไทย.

สุวิดา ลิ่มเริ่มสกุล, จงจิต เสน่หา, ดวงรัตน์ วัฒนกิจไกรเลิศ และปฏิณัฐ บูรณะทรัพย์ขจร. (2565). ผลของโปรแกรมพัฒนาความรอบรู้ด้านสุขภาพต่อพฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้สูงอายุเบาหวานชนิดที่ 2. วารสารพยาบาลศาสตร์, 40(1), 84-98.

สำนักโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. (2563). รายงานประจำปี2562 สำนักโรคไม่ติดต่อกรมควบคุมโรคกระทรวงสาธารณสุข. นนทบุรี: อักษรกราฟฟิคแอนด์ดีไซน์.

Becker, M.H. & Maiman, L. A. (1975). “Sociobehavioral Determinants of Compliance with Health and Medical care Ricommerdation,” Medical care. 13 : 10-24.

Charoensuppakit, N. (2020). Relationships between the Health Belief Model,Warning Sign Perception and Preventive Behavior of Stroke in Patients with Hypertension. Journal of Primary Care and Family Medicine, 3(3), 46-58.

Compichai, P., Khungtumneam, K. & Kompayak, J. (2022). The relationship between health beliefs and stroke preventive behaviors in Diabetes Mellitus patients with hypertension. Thai Journal of Nursing, 71(3), 1-9.

Klinsakorn, C., & Saetan, S. (2020). Factors related to self-protective behavior of stroke with controlled hypertension patients who live in Danchang District. Journal of Council of Community Public Health, 2(2), 62-77.

Khumros, W., & Ekpreechakul, T. (2 0 1 9 ) . Cerebrovascular disease, risk factors, and quality of life: A systematic review. Journal Chulalongkorn Medical Bulletin, 1(5), 473-487.

Lalun, A., & Vutiso, P. (2021). Factors predicting stroke behavior of hypertensive patients at NaFai Sub-District Health Promoting Hospital in Chang Wat Chaiyaphum. Thai Journal of Nursing, 70(2), 27-36.

Ponchaimat, C. & Sangkeang, S. (2020). Factors associated with health care behavior of hypertensive patients in the elderly club in Bang Nok Khwaek sub-district, Bang Khonthi, Samut Songkhra. Interdisciplinary Management Journal Faculty of Management Science, Buriram Rajabhat University, 3(1), 65-70.

Sodaprom, D. (2020). Factors influencing preventive behaviors for cerebrovascular disease among elderly risk group in the Aranyik to municipality Mueang Phitsanulok District, Phisanulok Province. M.P.H. Thesis in Public Health Program, Naresuan University.

World Stroke Organization. (2021). Learn about stroke. Retrieved from https://www.world-stroke.org/world-stroke-day-campaign/why-stroke-matters/learn-about-stroke

World Health Organization: WHO. (2022). World Stroke Day 2022. Available from: https://www.who.int/srilanka/news/detail/29-10-2022-world-stroke-day-2022.

Downloads

เผยแพร่แล้ว

28-05-2025

How to Cite

ศรีวลีรัตน์ ก. . (2025). ผลของโปรแกรมส่งเสริมความเชื่อด้านสุขภาพต่อพฤติกรรมการป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง ของกลุ่มเสี่ยงในชุมชน โรงพยาบาลเจ้าคุณไพบูลย์ พนมทวน. วารสารนวัตกรรมสุขภาพและความปลอดภัย, 2(2), E– 2928. สืบค้น จาก https://he04.tci-thaijo.org/index.php/JHIS/article/view/2928