การตรวจน้ำคร่ำเพื่อวินิจฉัยทารกก่อนคลอดในโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548-2549
Main Article Content
บทคัดย่อ
การเจาะดูดน้ำคร่ำ เพื่อวินิจฉัยความผิดปกติทางโครโมโซมของทารกก่อนคลอด เป็นหัตถการที่ทำบ่อยในปัจจุบัน โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาได้เริ่มให้บริการเจาะตรวจน้ำคร่ำในปี พ.ศ. 2546 จนถึงปัจจุบัน วัตถุ ประสงค์: เพื่อศึกษาผลการตรวจน้ำคร่ำเพื่อวินิจฉัยทารกก่อนคลอดในโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ผู้ป่วยและวิธีการ: เป็นแบบพรรณนาศึกษาข้อมูลของผู้ป่วยตั้งครรภ์ที่มารับบริการเจาะน้ำคร่ำ ที่กลุ่มงานสูตินรี-เวชกรรม และวางแผนครอบครัว โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2547 ถึง 30 กันยายน 2549 (2 ปีงบประมาณ) แล้วนำผลมาวิเคราะห์ ผลการศึกษา: จำนวนหญิงตั้งครรภ์ที่มารับการเจาะน้ำคร่ำเพื่อวินิจฉัยความผิดปกติของโครโมโซมของทารกก่อนคลอด ทั้งหมด 427 ราย พบความผิดปกติของโครโมโซม 11 ราย (ร้อยละ 2.6) ข้อบ่งชี้ที่มากที่สุดในการเจาะน้ำคร่ำคือ มารดาอายุมากกว่า 35 ปี ขณะตั้งครรภ์ (ร้อยละ 95.3) พบภาวะแทรกซ้อนร้อยละ 0.5 ได้แก่ แท้งบุตร 1 ราย และมีโครโมโซมปกติ ส่วนอีก 1 ราย มีโครโมโซมผิดปกติ และเสียชีวิตในครรภ์ (47XY, + 21; trisomy 21) และพบมีความล้มเหลวในการเพาะเลี้ยงเซลล์ทารก 3 ราย (ร้อยละ 0.7) สรุป: การเจาะน้ำคร่ำหาความผิดปกติทางโครโมโซมของทารกในครรภ์ในโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ประสบผลสำเร็จสูง มีภาวะ แทรกซ้อนต่ำ ถือว่าเป็นวิธีที่ปลอดภัย พบความผิดปกติทางโครโมโซมได้ร้อยละ 2.6
Article Details

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
References
Sicele MW,Breg WR Jr. Chromosome analysis ofhuman amniotic fluid cell. Lancet 1966; 1:383-5.
Fuchs F, Riis P Antenatal sex determination. Nature 1956; 117:330.
Maclachlan NA. Amniocentesis. In: Brock DJH, Rodeck CH, Ferguson-Smith MA, eds. Prenatal diagnosis and screening. London. Churchill Living stone ; 1992: 13-24
เยื้อน ตันนิรันดร. Appropriate technology to improve maternal and child health. เสนอในการประชุมวิชาการ Reproductive health in the next cennury.5: 31:1 10-11 กันยายน 2541 ณ ห้องประชุมจรัญพัฒน์ คณะแพทย์ศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เยื้อน ตันนิรันดร.การเจาะตูดน้ำคร่ำ. ใน:เยื้อน ตันนิรันดร.บรรณาธิการ.การวินิจฉัยทารกในครรภ์. กรุงเทพ: โอ.เอส. พริ้นติ้ง เฮาส์, 163-5.
Reech EA. Early and mid-trimester genetic amniocentesis. Obstet. Gynecol ClinNorth Am 1997; 24 : 71-8
F.Gary Cunningham, Norman F.Gant, Kenneth Leveno, et al. Genetics in Williams Obstetrices 21 ed. 2001 P946
Tabor A, Phillip J, Madser M, Bang J, Obel EB, Norgaard-Pedersen B. Randomised controlled trial of genetic amniocentesis in 4,606 low risk women. Lancet 1986; 1: 1287-9.
Kongyon S. Prevalence of Chromosomal Abnormalities by Genetic Amniocentesis for Prenatal Diagnosis at Rajavithi Hospital: 1999-2002. Thai Journal Obstetrics and Gynaecology December 2003, vol. 15, pp. 201-7.
Ajjimakorn S, Jirapinyo M, Thanuntaseth C, Tongyai T, Kangw anpong D. Genetic amminiotesis: five yeat experience. Thai I Obstet Gynacol 19990; 2: 87-94.