ผลการรักษาโรคลิ้นหลอดเลือดแดงพัลโมนารี่ตีบแต่กำเนิดด้วยบอลลูนใน โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา
Main Article Content
บทคัดย่อ
ภูมิหลัง: ภาวะลิ้นหลอดเลือดแดงพัลโมนารี่ตีบแต่กำเนิดนั้น การรักษาที่เป็นที่ยอมรับว่ามาตรฐานคือการขยายลิ้นที่ตีบด้วยบอลลูน โดยไม่จำเป็นต้องผ่าตัด ผลการรักษาเป็นที่น่าพอใจ ภาวะแทรกซ้อนน้อย มีค่าใช้จ่ายต่ำกว่าการผ่าตัดและสามารถกลับบ้านได้ในวันรุ่งขึ้นหลังการรักษา วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาผลการใช้บอลลูนขยายลิ้นหลอดเลือดแดงพัลโมนารี่ที่ตีบแต่กำเนิดในโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ระหว่างช่วงเดือน กรกฎาคม พ.ศ. 2544 – มกราคม พ.ศ. 2548 ผู้ป่วยและวิธีการ: ทำการศึกษาผู้ป่วยที่ได้รับการใช้บอลลูนขยายลิ้นหลอดเลือดแดงพัลโมนารี่ที่ตีบแต่กำเนิด ในโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ระหว่างช่วงเดือน กรกฎาคม พ.ศ. 2544 – มกราคม พ.ศ. 2548 โดยผู้ป่วยทุกรายจะต้องมีระดับความรุนแรงของการตีบของลิ้นตั้งแต่ปานกลางถึงตีบมาก ผลการศึกษา: จำนวนผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาบอลลูนขยายลิ้นหลอดเลือดแดงพัลโมนารี่ที่ตีบแต่กำเนิดมีทั้งหมด 36 ราย แบ่ง เพศชาย 15 ราย (ร้อยละ 41.6) เพศหญิง 21 ราย (ร้อยละ 58.4) อายุเฉลี่ย 16.1 ± 12.8 ปี พิสัย 8 วันถึง 41 ปี มีระดับความรุนแรงของการตีบเป็นการตีบปานกลาง 12 ราย (ร้อยละ 33.3) ตีบมาก 24 ราย (ร้อยละ 66.7) โดยเป็นผู้ป่วยที่มีลิ้นหลอดเลือดแดงพัลโมนารี่ตีบเพียงอย่างเดียว จำนวน 34 ราย (ร้อยละ 94.4) ส่วนที่เหลือ 2 ราย (ร้อยละ 5.6) เป็นการตีบของหลอดเลือดแดงพัลโมนารี่ที่เป็นส่วนหนึ่งของโรค Tetralogy of Fallot ผลการรักษาประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ ระดับความรุแรงของการตีบของลิ้นหลอดเลือดแดงพัลโมนารี่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ จำนวน 32 ราย (ร้อยละ 88.9) โดยมีความแตกต่างของแรงดันระหว่างหลอดเลือดแดงพัลโมนารี่กับเวนตริเคิลขวาลดลงเหลือน้อยกว่า 36 มิลลิเมตรปรอท มีผู้ป่วยเพียง 2 ราย (ร้อยละ 5.5) ที่เกิดภาวะแทรกซ้อนคือ ภาวะหัวใจเต้นเร็วผิดจังหวะชนิด supraventricular tachycardia ชั่วคราว 1 ราย และเลือดออกไม่หยุดบริเวณหลอดเลือดดำที่ขาหนีบที่ใช้ใส่บอลลูน 1 ราย ซึ่งต่อมาสามารถหยุดได้หลังจากการกดห้ามเลือด ไม่พบว่ามีผู้เสียชีวิตจากการรักษา เอกซเรย์ปอดซ้ำทุก 6 เดือน โดยเปรียบเทียบก่อนและหลังการรักษา พบว่ามีลักษณะที่มีเลือดไปปอดดีขึ้นกว่าเดิมและเมื่อติดตามการรักษา 1 ปี พบว่ายังไม่มีผู้ป่วยรายใดกลับมีการตีบซ้ำของหลอดเลือดแดงพัลโมนารี่ อีก สรุป: การใช้บอลลูนขยายลิ้นหลอดเลือดแดงพัลโมนารี่ที่ตีบแต่กำเนิดในโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี โดยมีภาวะแทรกซ้อนน้อยมากไม่รุนแรงและเป็นเพียงชั่วคราวเท่านั้น
Article Details

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
References
Cheatham JP. Pulmonary stenosis. In: Garson A, Jr, editor. The science and practice of pediatric cardiology. 2nd ed. Baltimore: Williams & Wilkins press; 1998. p. 1207-56.
Park MK. Pulmonary stenosis. In: Zorab R, editor. Pediatric cardiology for practioners. 4th ed. St Louis: Mosby; 2002. p. 155-8.
Latson LA, Preito LR. Pulmonary stenosis. In: Allen HD, Clark EB, editors. Moss and Adams' Heart Disease in Infants, Children, and Adolescents. 6th ed. Philadelphia: Lippincott William & Wilkins; 2001. p. 820-32.
Hatem DM, Castro I, Haertel JC, Rossi RI, Zielinsky P, Leboute FC, et al.. Short and long term results of Balloon pulmonary valvuloplasty. Arquivos Brasileiros de Cardiologia 2004; 82 : 221-7. [Abstract]
Rao PS, Galal O, Patnana M. Results of 3-10 years follow up of balloon dilatation of the pulmonary valve. J Heart 1998; 80: 591-5.
Garty Y, Veldtman G, Lee K. Late outcomes after pulmonary valve balloon dilatation. J invasive Cardiol 2005; 17: 318-2.
Jaurez RM, Alva EC, Ledesma VM, Lazala RG, Jimenez AS, Sanchez SA, et al. Balloon pulmonary valvuloplasty, 15 years experience. Arch Cardiol Mex 2003; 73: 190-6. [Abstract]
Poon LK, Menashem S. Pulmonary regurgitation after percutancous balloon valvuloplasty in children. Cardiol young 2003; 13: 444-50.
Santoro G, Ital G. Balloon pulmonary valvuloplasty.J Cardiol 1995; 25: 139-47.
Keane JF, Lock JE. Catheter intervention: Balloon valvulotomy of valvular pulmonary stenosis. In: Lock JE, Keane JF, Fellows KE, editors. Diagnostic and interventional catheterization in congenital heart discase. Boston: Martinus Nijhoff publishing; 1993. p. 111-6.