ความสัมพันธ์ระหว่างความสูงของยอดมดลูกและอายุครรภ์ ในสตรีตั้งครรภ์ปกติ ที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา
Article Sidebar
Main Article Content
บทคัดย่อ
ได้ทำการศึกษาโดยวัดความสูงของยอดมดลูก ในหญิงไทยที่ตั้งครรภ์ปกติ ในโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ถึงเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2536 จำนวน 993 ราย เป็นครรภ์แรก 598 ราย และเป็นครรภ์หลัง 395 ราย รวมจำนวนข้อมูลจากการวัดทั้งสิ้น 1221 ครั้ง โดยมีน้ำหนักเฉลี่ย 55.34 กก. (SD=8.04) ความสูงเฉลี่ย 154.68 ซม. (SD=5.17) อายุครรภ์อยู่ในช่วง 9.9 สัปดาห์ ถึง 41.6 สัปดาห์ โดยมีอายุครรภ์เฉลี่ย 28 สัปดาห์ (SD=7.56) และความสูงของยอดมดลูกอยู่ในช่วงตั้งแต่เริ่มคลำได้เหนือรอยต่อกระดูกหัวหน่าว จนถึง 37 ซม. โดยมีค่าความสูงของยอดมดลูกเฉลี่ย 24.77 ซม. (SD=7.72)
พบว่าความสูงของยอดมดลูกมีความสัมพันธ์กับอายุครรภ์ในทางบวก และเป็นความสัมพันธ์เชิงเส้นโค้ง (Curvilinear relationship) ซึ่งเข้ากันได้กับทั้งสมการ Polynomial กำลัง 2 (Parabola) คือ y = 10.6216769 + 0.3202591x + 0.0140374x2 และสมการ Exponential คือ In(y) = 2.3601435 + 0.0375715x (โดยที่ x คือ ความสูงของยอดมดลูกที่วัดได้เป็นซม. และ y คือ อายุครรภ์ เป็นสัปดาห์)
หากพิจารณาตามช่วงของอายุครรภ์ จะพบว่า ในช่วงอายุครรภ์ 17-36 สัปดาห์ ความสัมพันธ์ระหว่างความสูงของยอดมดลูกและอายุครรภ์ค่อนข้างเป็นเส้นตรง ด้วยค่าสัมประสิทธิ์ของความสัมพันธ์ (r) เท่ากับ 0.98 และ สัมประสิทธิ์ของการตัดสินใจ (r2) เท่ากับ 0.97 กล่าวคือระดับของยอดมดลูกจะเพิ่มขึ้นสัปดาห์ละ 1 ซม. และสามารถคำนวณหาอายุครรภ์ (เป็นสัปดาห์) โดยใช้ความสูงของยอดมดลูกที่วัดได้ (เป็นเซนติเมตร) บวกด้วย 3
นอกจากนี้ในการวิจัยยังพบว่า เมื่อเริ่มคลำยอดมดลูกได้ทางหน้าท้องนั้นจะตรงกับอายุครรภ์ 11 สัปดาห์ เมื่อตั้งครรภ์ครบกำหนด 40 สัปดาห์นั้นระดับของยอดมดลูกจะเท่ากับ 34.89 ซม. (SD =1.35) และเมื่อระดับของยอดมดลูกสูงเท่าระดับสะดือจะครบตรงกับอายุครรภ์ 19.50 สัปดาห์ (SD = 0.88)
Article Details
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
References
วราวุธ สุมาวงศ์, คู่มือการฝากครรภ์และการคลอด, คณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี, พิมพ์ครั้งที่ 14, ปี พ.ศ.2533 หน้า 4-21
Engstrom JL. Measurement of fundal height. J Obstet Gynecol Neonatal Nurs.1988;17(3):172-8
Faustin D, Gutierrez L, Gintautal J, et al. Clinical assessment of gestational age :a comparison of two methods. J Nat! Med Assoc.1991;83(5):425-9
Grover V, Usha R, Kalra S, et al. Altered fetal growth : antenatal diagnosis by symphysis fundal height in India and comparison with western charts.Int J Gynaecol Obstet 1991;35(3):23-4
Indira R, Oumachigui A, Narayan KA, et al.Symphysis-fundal height measurement, a reliable parameter for assessment of fetal growth. Int J Gynecol Obstet. 1990;(1):1-5
Cunningham FG, Mc Donald PC,Gant NF, et al. Williams Obstetrics 19th Ed. Connecticut, USA. Appleton & Lange.1993;251,853,879
Mc Donald E. Measuration of the child in the uterus with new methods. JAMA 1906;47:1979
Ogunranti JO. Fundal height in normal pregnant Nigerian women : anthropmetric gravidiogram. Int J Gynaecol Obstet. 1990;33(4):299-305
Greenhill JP, Friedman EA. Biological Principles and Modern Practice of Obstetrics. 13" ed Philadelphia : WB Saunders, 1974;132
Lockwood CJ, Weiner S. Assessment of fetal growth. Clin Perinatol. 1986;13(1):3-35
Westin B. Gravidogram and fetal growth. Acta Obstet Gynecol Scand 1977;56:273.
Belizan IM, Villar J, Nardin JC, et al. Diagnosis of intrauterine growth retardation by a simple clinical method : Measurement of uterine height. Am J Obstet Gynecol 1978;131:643
Quaranta P, Currel R, Redman CWG, Prediction of small for dates infants by measurement of symphyseal-fundal-height. Br J Obstet Gynecol 1981;88:115
Walin A, Gyllensward A, Westin B. Symphyseal fundus measurment in prediction of fetal growth disturbance. Acta Obstet Gynecol Scand 1981;60:317-323
Andersen HF, Johnson TRB, Folra JD, et al. Gestational age assessment. Il. Prediction from combined clinical observations. Am J Obstet Gynecol 1981;140:770
Engstrom JL, Mcfarin BL, Sampson MB. Fundal height measurement. Part 4 Accuracy of clinicians' identification of the uterine fundus during pregnancy. J Nurse Midwifery 1993;38(6):318-23
Engstrom JL, Sittler CP. Fundal height measurement. Part 1 Techniques for measuring fundal height. J Nurse Midwifery 1993;38(1):5-16