การประเมินผลการควบคุมโรคเบาหวานในชุมชนเขตเมืองจังหวัดกาฬสินธุ์ EVALUATION ON DIABETES MELLITUS CONTROL IN KALSIN URBAN COMMUNITIES

Main Article Content

ชลลดา บุษยรัตน์

บทคัดย่อ

การวิจัยประเมินผลการควบคุมโรคเบาหวานในเขตเมืองจังหวัดกาฬสินธุ์ โดยศึกษาที่ ศสมช. ของชุมชนเขตเมือง 24 แห่ง คลินิคเบาหวานโรงพยาบาลกาฬสินธุ์ และศูนย์บริการสาธารณสุขเขตเมือง ตัวอย่างประชากรที่ศึกษาประกอบด้วย อสม. เขตเมืองประจำ ศสมช. 120 คน เจ้าหน้าที่คลินิคเบาหวานและศูนย์บริการสาธารณสุขเขตเมือง รวม 18 คน ผู้ป่วยเบาหวาน 303 คน กรรมการชุมชน 72 คน ทำการศึกษาโดยการสัมภาษณ์สอบถาม ประชุมกลุ่ม สังเกต และรวบรวม ข้อมูลจากประวัติผู้ป่วย วิเคราะห์ข้อมูลโดยโปรแกรม Epi Info ผลการศึกษาพบว่า ศสมช. ทุกแห่งมี อสม. จำนวน 5 คน ประจำที่ศสมช. ซึ่งเพียงพอในการดำเนินงานควบคุมเบาหวานและพบว่า อสม. ร้อยละ 78.2 ได้รับการอบรมอย่างสม่ำเสมอ และ ศสมช. 7 แห่ง (ร้อยละ 29.2) ได้รับการติดตามนิเทศจากเจ้าหน้าที่ด้านวัสดอุปกรณ์ พบว่า ศสมช. ที่มีแถบตรวจปัสสาวะมีอยู่ 20 แห่ง (ร้อยละ 83.3) มีเครื่องตรวจความดัน 18 แห่ง (ร้อยละ 75.0) และมีสื่อสาธารณสุข 3 แห่ง (ร้อยละ 12.5) การประเมินด้านกระบวนการ พบว่า อสม. สามารถตรวจปัสสาวะและตรวจความดัน ได้ถูกต้องร้อยละ 35.5 และ 23.6 ตามลำดับ อสม. ที่จัดบริการเกี่ยวกับการควบคุมเบาหวานโดยให้บริการเป็นประจำด้านการให้ความรู้แก่ประชาชนการตรวจปัสสาวะ การตรวจความดัน การติดตามผู้ป่วยรับการรักษาและการส่งต่อผู้ป่วยร้อยละ 25.5, 67.3, 58.2, 33.6 และ 40.0 ตามลำดับ การประเมินด้านความรู้ของ อสม. พบว่าร้อยละ 58.2 มีความรู้ดี ร้อยละ 41.8 มีความรู้ปานกลาง ไม่มี อสม.ที่ความรู้ไม่ดี


ผลการประเมินที่คลินิคเบาหวาน โรงพยาบาลกาฬสินธุ์ พบว่า จำนวนบุคลากรแพทย์พยาบาลและเจ้าหน้าที่ชันสูตร ต่อจำนวนผู้ป่วยพบว่าเป็น 1 ต่อ 65.5, 65.5, และ 43.7 ตามลำดับการประเมินด้านกระบวนการ พบว่าส่วนใหญ่ผู้ป่วยได้รับยาในกลุ่ม sulfony! urea ร้อยละ 77.8 ส่วนการตรวจเพื่อหาภาวะแทรกช้อน พบว่ามีการตรวจตาโดยจักษุแพทย์ ตรวจสารเคมีในเลือดหาภาวะแทรกซ้อนทางไต ตรวจหาไขมันในเลือด ร้อยละ 6.2, 20.6 และ 19.1 ตามลำดับ ผู้ป่วยเบาหวานได้รับสุขศึกษา ร้อยละ 48.7 การประเมินด้านความรู้ของผู้ป่วย พบว่าผู้ป่วยมีความรู้ดีและความรู้พอใช้ ร้อยละ 51.3 และ 48.7 ตามลำดับ ผลการควบคุมเบาหวานของผู้ป่วยอยู่ในระดับ ดี ปานกลาง และไม่ดี ร้อยละ 21.7, 28.9 และ 49.5 ตามลำดับ ผู้ป่วยมีอาการแทรกช้อน ร้อยละ 42.9 ด้านความพึงพอใจ พบว่าผู้ป่วยส่วนใหญ่ พอใจ ร้อยละ 89.4 ระยะเวลาที่ใช้ในการรับบริการเฉลี่ยรายละ 3 ชั่วโมง 30 นาที


ผลการประเมินที่ศูนย์บริการสาธารณสุขเขตเมือง พบว่า บุคลากรแพทย์, พยาบาล ต่อจำนวนผู้ป่วยพบว่าเป็น 1 ต่อ 20 และ 6.3 ตามลำดับ การประเมินด้านกระบวนการ พบว่า ส่วนใหญ่ผู้ป่วยได้รับยาในกลุ่ม sulfonyl urea ร้อยละ 90.4 ส่วนการตรวจเพื่อหาภาวะแทรกซ้อน พบว่ายังไม่มีการตรวจตาโดยจักษุแพทย์ ส่วนการตรวจสารเคมีในเลือดหาภาวะแทรกซ้อนทางไต ตรวจหา


ไขมันในเลือด ร้อยละ 9.5 และ 4.7 ตามลำดับ ผู้ป่วยทุกรายได้รับสุขศึกษา การประเมินด้านผลลัพธ์ ในด้านความรู้ของผู้ป่วย พบว่าผู้ป่วยมีความรู้ดีและความรู้พอใช้ ร้อยละ 65.2 และ 34.8 ผลการควบคุมเบาหวานอยู่ในระดับ ดี ปานกลางและไม่ดี ร้อยละ 47.6, 30.3 และ 19.1 ตามลำดับและผู้ป่วยมีอาการแทรกซ้อน ร้อยละ 38.1 ในด้านความพึงพอใจ พบว่าผู้ป่วยทุกคน พอใจระยะเวลาที่ใช้ในการรับบริการเฉลี่ยรายละ 30 นาที


ทีมวิจัยได้สรุปและให้ข้อเสนอแนะว่า การควบคุมเบาหวานในเขตเมืองเป็นปัญหาที่สำคัญ และความเชื่อมโยงของระดับการให้บริการที่โรงพยาบาล ศูนย์บริการสาธารณสุขเขตเมืองตลอดจน ศสมช. ควรมีความเชื่อมโยงกัน ทั้งด้านข้อมูล การส่งต่อและการพัฒนาควรทำไปพร้อมๆ กัน

Article Details

How to Cite
บุษยรัตน์ ช. (2025). การประเมินผลการควบคุมโรคเบาหวานในชุมชนเขตเมืองจังหวัดกาฬสินธุ์ EVALUATION ON DIABETES MELLITUS CONTROL IN KALSIN URBAN COMMUNITIES. วารสารโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา, 20(3), 399–418. สืบค้น จาก https://he04.tci-thaijo.org/index.php/MNRHJ/article/view/2656
บท
Articles

References

Baker SB, Vallbona C, Pavlik V.,et al. A Diabetic control program in a public health care setting. Public Health Reports 108 (5) : 595 - 605, 1993 Sept - Oct.

Kelly WF.,Mahmood R., Turner S. and Elliott K. Geographical mapping of daibetic patients from the deprived inner city showsless insulin therapy and more hyperglycemia Diabetic Medicine 11(4) 344 - 8. 1994 May.

Tseng CH.,Chang CJ., Fu et al. A comparison of diabetic control status between urban and rural diabetic patients in Taiwan. Journal of the Formosan Medical Association. 89(8): 666 -71, 1990 Aug.

Hoet JJ. A hope for people with diatetes. World 1991 May - June : 4 – 5

Tandhannand S, Nitiyanad W, Makarasara C, Vannasaeng S andVichayanrat A.Chapter 6: Epidemiology of diabetes melits in Southeast Asia In : Bajai JS (ed), Diabetes mellitus in developing countries. New Delhi : Interprint, 1984 : 51 - 4

Angkucopala N, Bunchuin K, Ghanmolrarao S, Wiwathananasorn T.Community health survey on non communicable disease and the risk factors in Chonburi Province. A pilot project ASEAN Daibetes Prevention and Control Project. Report of the first meeting of Asean Diabetie Export Working Group, Manila, Philippines, March 1984, p 295

Vannasaeng S, Vinyaveiakul A, Poung varin N. prevalence of daibetes mellitus in urban community of Thailand J Med Assoc Thai 1987 ; 69 : 131 - 8

Pakpeankitvatana R, Tanphaichitr V, Lochaya S, Vivunchavee N, Tamwiwat C, Wattana-Kastr S, Clinical epidemiological studies on hyperipidemia in Urban Thais Abstracts of Fitth Asian Congress of Nutition, Osaka : Japanese Society of Nutrition and Food Science, 1987 : 108

Weidman D.W. Adiposity of longivity : Which factor accounts for the increase in type ll diabetes mellitus when population acculturate to an industrial technology. Medical Anthropology 11(1989) 237 - 253.

Kunihoro Doi, Toshiya Oribc, Akira kawara and Shigcaki Baba. A 25 - year follow up on diabetes in a Japanese rural district. J Med Ass Thailand vol 70 suppl 2 March 1987

Lee TH, Ryu H.J et al The prevalence of diabctic complications in Korea. J Med. Ass. Thailand vol 70 Suppl 2 March 1987

Bunnag SC, Chantraprasert S, Savetarun P, et al. Prevalence of vascular complications diabbeties at Chulalongkorn Hospital. J Asean Fed Endocr Soc 1982 ; 1 : 129 – 40

คณะทำงานแห่งชาติเรื่องการควบคุมเบาหวาน : การควบคุมโรคเบาหวานแพทยสภาสาร ปีที่ 24 ฉบับที่ 2 เมษายน - มิถุนายน 2538 : 84 - 86

Leboviz HE. Oral antiabetic agents. In : Kahn CR, Wair GC, eds. Joslin' diabetic melitus. 13th ed. Philadelphia : Waverly Co., 1994 : 508 – 29

ไพบูลย์ สุริยะวงส์ไพศาล. บรรณาธิการ แนวทางมาตรฐานการดูแลผู้ป่วยเบาหวาน สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน 2539 : 11

Report of WHO Study group. Dlabetes mellitus. WHO Tech Rep Ser No. 844, 1994 78 – 81

Report of WHO Study group Community Involvement in health development : Challenging health services. WHO Teeh Rep Ser No.809, 1991 50 - 52

Vranic, M., et al. Hormonal interaction in control of metabolism exercise in physiology and diabetes.In Max Ellenbeerg, and Harold Rikin (editor), Diabetes Mellitus : Theory and Practices. 3rd ed., New york; Medical Examination Publishing Co. and Excerpta Company, 1983.

ธีรนันท์ วรรณศิริ การเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวานภายหลังการเดินสายพานเลื่อน วิทยานิพนธ์ มหารบัณฑิต สาขาวิชาการพยาบาลอายุรศาสตร์และศัลยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 2532

Yamanouchi-K, Schinozaki-T, Ito-K, Shimizu-S, Oxawa-N, et al. Daily walking combined with dietary therapy is useful mean for obese NIDDM patients not only to reduce body weight but also to improve insulin sensitvity, Diabets Care. Jun 18 (6) 775 - 8 1995

สุรัตน์ โคมินทร์, บทบาทของคอมเพล็กคาร์โบไฮเดรทในอาหารไทยและต่างชาติต่อการควบคุมเบาหวานใน โภชนาการก้าวหน้า หน้า 112 - 115 ประไพศรี ศิริจักรวาลและคนอื่นๆ บรรณาธิการ กรุงเทพฯ ห้างหุ้นส่วนจำกัดเทคนิค 9. 2530

วิชัย ตันไพจิตร. ความสัมพันธ์ระหว่างโภชนาการกับโรคเบาหวาน ใน โภชนาการก้าวหน้า หน้า 103 ประไพศรี ศิริจักวาล และคนอื่นๆ บรรณาธิการ กรุงเทพฯ ห้างหุ้นส่วนจำกัดเทคนิค 9. 2530

Kamein M. Ward AM., Manstield F., et al. Management of diabetes type Il in Western Austalian metopolitan general practice. Diabetes Research and Clinical Practice. 26 (3) :197 -208, 1994 Dec 31

Report of WHO Expert Committee : Information support for new public health action at diatrict level. WHO Tech Rep, 1993.

กรกฏ จุฑาสมิต. การประเมินผลคลินิคเบาหวาน โรงพยาบาลทั่วไปแห่งหนึ่งในภาคเหนือ พ.ศ. 2537 วารสารกรมการแพทย์ ปีที่ 20 ฉบับที่ 9 กันยายน 2538 หน้า 329- 334

ธัญญา เชษฐากุล และคณะ ภาวะแทรกซ้อนทางหลอดเลือดในผู้ป่วยเบาหวานโรงพยาบาลนครราชสีมา เวชสารโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ปีที่ 19 ฉบับที่ 2 พฤษภาคม - สิงหาคม 2538 :159 – 173

Report of WHO Study Group: Th hospital in rural and urban districts : The function of hospital at the first referal level. WHO Tech Rcp 819, 1992.

กลุ่มงานเวชกรรมสังคม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา. รายงานความก้าวหน้าโครงการวิจัยและพัฒนาศูนย์ชุมชนเมือง โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ฉบับที่ 5 ประจำปีงบประมาณ 2538 เอกสารโรเนียวสำหรับผู้เข้ารับการอบรมผู้ปฏิบัติในงานสาธารณสุขเขตเมืองรุ่น 3. 2539