พฤติกรรมเสี่ยงต่อการติดเอดส์ในหญิงที่มาฝากครรภ์ที่ โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา

บทคัดย่อ

สถานการณ์โรคเอดส์ในประเทศไทยเริ่มแพร่มาจากชายรักร่วมเพศและผู้ติดยาเสพติดมาสู่กลุ่มหญิงอาชีพพิเศษและชายที่มีเพศสัมพันธ์กับหญิงอาชีพพิเศษ และปัจจุบันนี้ปัญหาการติดเชื้อเอดส์จากมารดาสู่ทารกพบได้มากขึ้น แสดงว่าปัญหาโรคเอดส์ได้ส่งผลสู่สถาบันที่เล็กที่สุดของสังคมไทย จึงทำการศึกษาพฤติกรรมเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอดส์ในกลุ่มหญิงที่ตั้งครรภ์ โดยสำรวจหญิงที่มาฝากครรภ์ที่มีอายระหว่าง 15-29 ปี ที่มาฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาระหว่าง 1 มิย.-15 กค. 2539

ผลการศึกษาพบว่า ในจำนวนกลุ่มตัวอย่าง 273 ราย กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ (82.8%) มีอายุ 20-29 ปี ประมาณ 60% มีอาชีพใช้แรงงาน 86.5% มีสถานภาพสมรสแล้ว 89% เป็นการตั้งครรภ์เป็นการตั้งครรภ์ท้องที่ 2 หรือน้อยกว่า ประมาณ 90% อาศัยอยู่ในจังหวัดนครราชสีมานานที่สุดในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา พฤติกรรมทางเพศที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อเอดส์ที่สำคัญพบว่า 11 ราย (4%) มีเพศสัมพันธ์กับชายอื่นที่ไม่ใช่สามีโดยไม่มีการใช้ถุงยางอนามัยแซึ่งพบในกลุ่มที่มีการศึกษาระดับมัธยมปลายหรือต่ำกว่า แต่ไม่พบความสัมพันธ์ในพฤติกรรมนี้กับกลุ่มอายุของตัวอย่าง มีการใช้ถุงยางอนามัยในการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก 7.7% การใช้ถุงยางอนามัยในการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกพบว่าการใช้จะมีมากขึ้น ถ้าการศึกษาสูงขึ้น กลุ่มอาชีพเกษตรกรรมมีอัตราการใช้ถุงยางอนามัยต่ำที่สุด กลุ่มแม่บ้านและกลุ่มค้าขายมีอัตราการใช้ถุงยางอนามัยมากกว่ากลุ่มอื่น ไม่พบความสัมพันธ์ในพฤติกรรมนี้กับกลุ่มอายุของตัวอย่างสำหรับการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกกับใครนั้นพบว่าการมีเพศสัมพันธ์กับชายที่รู้จักกันผิวเผิน

ทั้งหมด 4 ราย (1.5%) ซึ่งทั้งหมดมีการศึกษาในระดับชั้นประถม ไม่พบความสัมพันธ์ใน พฤติกรรมนี้กับกลุ่มอายุและอาชีพของกลุ่มตัวอย่าง ทั้งยังไม่พบความสัมพันธ์ของพฤติกรรม ทางเพศที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อเอดส์ทั้งสามนี้กับอายุที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก