ผลของโปรแกรมการดูแลสายสวนปัสสาวะต่อความรู้และการปฏิบัติของผู้ดูแลผู้ป่วย ศัลยกรรมกระดูกและข้อที่ใส่คาสายสวนปัสสาวะ โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา จังหวัดกาญจนบุรี

ผู้แต่ง

  • รัชดาวรรณ ล่องลอย กลุ่มงานโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา จ.กาญจนบุรี
  • สุภาภรณ์ ประยูรมหิศร กลุ่มงานโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา จ.กาญจนบุรี

คำสำคัญ:

การดูแลสายสวนปัสสาวะ, การคาสายสวนปัสสาวะ, การป้องกันการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ, ผู้ดูแลผู้ป่วย

บทคัดย่อ

วัตถุประสงค์: เพื่อเปรียบเทียบความรู้และการปฏิบัติเพื่อป้องกันการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะของผู้ดูแลก่อนและหลังได้รับโปรแกรม

วิธีการวิจัย: การวิจัยกึ่งทดลองแบบกลุ่มเดียววัดผลก่อนและหลังการทดลอง ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ - สิงหาคม 2567 กลุ่มตัวอย่างคัดเลือกแบบเจาะจง ได้แก่ ผู้ดูแลผู้ป่วยศัลยกรรมกระดูกและข้อที่ใส่คาสายสวนปัสสาวะ ในโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา จังหวัดกาญจนบุรี จำนวน 52 คน เครื่องมือที่ใช้ดำเนินการวิจัย ได้แก่ โปรแกรมการดูแลสายสวนปัสสาวะที่ประยุกต์ใช้ทฤษฎีการเผยแพร่นวัตกรรมของโรเจอร์ เครื่องมือที่ใช้รวบรวมข้อมูลประกอบด้วย แบบสอบถามความรู้การดูแลผู้ป่วยที่ใส่คาสายสวนปัสสาวะ และแบบประเมินการปฏิบัติการดูแลสายสวนปัสสาวะของผู้ดูแล วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนาและการทดสอบทีแบบไม่เป็นอิสระต่อกัน

ผลการวิจัย: ผู้ดูแลผู้ป่วยมีคะแนนเฉลี่ยความรู้การดูแลผู้ป่วยที่ใส่คาสายสวนปัสสาวะหลังการใช้โปรแกรมสูงกว่าก่อนการใช้โปรแกรมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (19.25±0.95 และ 9.96±2.22; p<0.001) และมีคะแนนเฉลี่ย การปฏิบัติหลังการใช้โปรแกรมสูงกว่าก่อนการใช้โปรแกรมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (8.68±0.96 และ 4.35±1.05; p<0.001)

สรุปผล: การวิจัยครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าโปรแกรมการดูแลสายสวนปัสสาวะที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้น โดยประยุกต์ใช้ทฤษฎีการเผยแพร่นวัตกรรมของโรเจอร์ ส่งผลให้ผู้ดูแลผู้ป่วยศัลยกรรมกระดูกและข้อที่ใส่คาสายสวนปัสสาวะมีความรู้และมีการปฏิบัติในการดูแลสายสวนปัสสาวะถูกต้องเพิ่มขึ้น

References

Centers for Disease Control and Prevention. Healthcare-associated infection surveillance protocol for urinary tract infection (UTI) events for long-term care facilities [internet]. 2024 [cited 15 Jan 2024]. Available from: https://www.cdc.gov/nhsn/pdfs/ltc/ltcf-uti-protocol-current.pdf

Payal KP, Sonali DA, Aaron DK, Evelyn L, Lisa LM, David AP, et al. Strategies to prevent catheter-associated urinary tract infections in acute-care hospitals: 2022 Update. Infection Control Hospital Epidemiol. 2023;44(8):1209-31.

สถาบันบำราศนราดูรกรมควบคุมโรคกระทรวงสาธารณสุข. คู่มือปฏิบัติการป้องกันและควบคุมการติดเชื้อในโรงพยาบาล. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย; 2567.

Sawsan AO, Fawkia EZ, Ahmed I, Lalia AS, Gamil K, Fasial A, Sabri AS. Risk Factors for Catheter Associated Urinary Tract Infections (CAUTI) in Medical Wards and Intensive Care Units (ICU). Journal of Microbiology Research. 2020:10(1):1-5.

Victor DR, Ruijie Y, Eric CB, Brandon HL, Camilla R, Sheila NM, et al. Incidence and risk factors for catheter-associated urinary tract infection in 623 intensive care units throughout 37 Asian, African, Eastern European, Latin American, and Middle Eastern nations: A multinational prospective research of INICC. Infection Control & Hospital Epidemiology. 2024;45(5):567-75.

Angriman F, Rosella LC, Lawler PR, Ko DT, Martin CM, Wunsch H, et al. Risk factors for major cardiovascular events in adult sepsis survivors: a population-based cohort study. Critical Care Medicine. 2023;51(4):471-83.

Roger EM. Diffusion of innovations. 5thed. New York: The free press; 2003.

สุพัฒนา โกพล. ประสิทธิผลของโปรแกรมการจัดการผู้ป่วยที่มีภาวะติดเชื้อในกระแสโลหิตในพยาบาล หอผู้ป่วยอายุรกรรม. วารสารการพยาบาลและวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยนครพนม. 2567;2(1):1-14.

ปัทมา วงษ์กียู้, วงเดือน สุวรรณคีรี, ณิชกานต์ ทรงไทย. ผลของโปรแกรมส่งเสริมการใช้แนวปฏิบัติทางคลินิกต่อการปฏิบัติของพยาบาลและการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะที่สัมพันธ์กับการคาสายสวนปัสสาวะในหอผู้ป่วยวิกฤตอายุรกรรม. วารสารการพยาบาลและการดูแลสุขภาพ. 2562;37(2):26-35.

Burns N, & Groove SK. The practice of nursing research: appraisal, synthesis, and generation of evidence. 6thed. St. Louis: Saunders Elsevier. 2009.

Newmann FM, Secada WG, Wehlage GG. A guide to authentic instruction and assessment:

Vision, standards and scoring. Madison: Wisconsin Center Education Research. 1995.

Bester N, Di Vito SM, McGarry T, Riffkin M, Kaehler S, Pilot R, et al. The effectiveness of an educational brochure as a risk minimization activity to communicate important rare adverse events to health-care professionals. Journal Advances in Therapy. 2016;33(2):167-77.

ทิพวดี สีสุข. การพัฒนารูปแบบการดูแลผู้ป่วยที่ได้รับการใส่คาสายสวนปัสสาวะที่บ้านเพื่อป้องกันการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ. ราชาวดีสาร วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สุรินทร์. 2567;14(2):64-77.

Downloads

เผยแพร่แล้ว

2025-03-07

How to Cite

1.
ล่องลอย ร, ประยูรมหิศร ส. ผลของโปรแกรมการดูแลสายสวนปัสสาวะต่อความรู้และการปฏิบัติของผู้ดูแลผู้ป่วย ศัลยกรรมกระดูกและข้อที่ใส่คาสายสวนปัสสาวะ โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา จังหวัดกาญจนบุรี. Phahol Hosp J [อินเทอร์เน็ต]. 7 มีนาคม 2025 [อ้างถึง 9 มีนาคม 2025];13(1):28-43. available at: https://he04.tci-thaijo.org/index.php/PPHJ/article/view/2807