การพัฒนาระบบยาผู้ป่วยในโดยใช้ระบบการสั่งจ่ายยาในรูปแบบ paperless โรงพยาบาลท่ากระดาน
คำสำคัญ:
ความคลาดเคลื่อนทางยา, ผู้ป่วยใน, ระบบการสั่งยา, ลดการใช้กระดาษบทคัดย่อ
วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาผลของการพัฒนาระบบการสั่งจ่ายยาในรูปแบบลดการใช้กระดาษ (paperless) ต่ออัตราการเกิดความคลาดเคลื่อนทางยาของแผนกผู้ป่วยในของโรงพยาบาลท่ากระดาน
วิธีการวิจัย: การวิจัยกึ่งทดลองแบบศึกษาก่อนและหลัง เปรียบเทียบข้อมูลความคลาดเคลื่อนทางยาจากระบบสารสนเทศการบริหารจัดการความเสี่ยงของสถานพยาบาล ในช่วงก่อนและหลังพัฒนาระบบสั่งจ่ายยาระหว่างเดือนมกราคม–มีนาคม 2567 (รูปแบบ copy order) และช่วงเดือนเดียวกันในปี 2568 (รูปแบบ paperless) เครื่องมือที่ใช้ในการทดลองคือระบบสั่งใช้ยาและบริหารจัดการข้อมูลผู้ป่วยในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (NEO IPD paperless) วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนาและสถิติทดสอบ Z-test
ผลการวิจัย: หลังการพัฒนาระบบสั่งจ่ายยาของแผนกผู้ป่วยในโรงพยาบาลท่ากระดาน พบว่าอัตราความคลาดเคลื่อนทางยาโดยรวมลดลงจาก 21.61 เป็น 20.35 ครั้ง/1,000 วันนอน (p=0.773) อัตราความคลาดเคลื่อนในขั้นตอนการให้ยาลดลงจาก 8.84 เหลือ 2.91 ครั้ง/1,000 วันนอน (p=0.080) ความคลาดเคลื่อนทางยาระดับ C ลดลง และไม่พบความคลาดเคลื่อนรุนแรงระดับ E รวมถึงมีการเพิ่มขึ้นของระบบแจ้งเตือน เพื่อป้องกันความคลาดเคลื่อนทางยา อย่างไรก็ตามอัตราความคลาดเคลื่อนในขั้นตอนการสั่งยาเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติจาก 2.95 เป็น 10.66 ครั้ง/1,000 วันนอน (p=0.034) ส่วนใหญ่เป็น ความคลาดเคลื่อนระดับความรุนแรง B
สรุปผล: ระบบการสั่งจ่ายยาในรูปแบบ paperless มีแนวโน้มช่วยลดอัตราความคลาดเคลื่อนทางยาโดยรวม โดยเฉพาะในขั้นตอนการให้ยา และสามารถลดความรุนแรงของข้อผิดพลาดได้ อย่างไรก็ตามการเพิ่มขึ้นของความคลาดเคลื่อนในขั้นตอนการสั่งยาชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นในการปรับปรุงระบบและฝึกอบรมบุคลากรให้สามารถใช้งานระบบได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ
References
Van Doormaal JE, Van den Bemt PM, Mol PG,Zaal RJ, Egberts AC, Haaijer-Ruskamp FM, Kosterink JG. Medication errors: the impact of prescribing and transcribing errors on preventable harm in hospitalised patients. BMJ Qual Saf. 2009;18(1):22–7.
กรองหทัย มะยะเฉี่ยว, โพยม วงศ์ภูวรักษ์. ความคลาดเคลื่อนทางยาในโรงพยาบาลชุมชนแห่งหนึ่งในจังหวัดนครราชสีมา. วารสารเภสัชกรรมปฏิบัติ. 2561;10(1):142–55.
กระทรวงสาธารณสุข. คู่มือการประเมินโรงพยาบาลอัจฉริยะ. พิมพ์ครั้งที่ 1. นนทบุรี: สำนักสุขภาพดิจิทัล สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข; 2566.
ปรียาภรณ์ สุขงาม. การสั่งยาทางอิเล็กทรอนิกส์ให้สอดคล้องกับมาตรฐาน Clinical Decision Support.วารสารวิชาการ ปขมท. 2564;10(2):180–8.
อภิลักษณ์ นวลศรี. ความคลาดเคลื่อนทางยากับการใช้ระบบสั่งยาทางคอมพิวเตอร์จากหอผู้ป่วย. สงขลานครินทร์เวชสาร. 2549;24(1):1–8.
สุมิตรา สงครามศรี, มาลินี เหล่าไพบูลย์. การยาสั่งด้วยระบบคอมพิวเตอร์ในการลดความคลาดเคลื่อน ในการสั่งใช้ยาโรงพยาบาลหนองหาน จังหวัดอุดรธานี: Interrupted Time Series Design. วารสารเภสัชศาสตร์อีสาน. 2560;13(2):53–66.
สมปรารถนา ภักติยานุวรรตน์. การเปรียบเทียบการเกิดความคลาดเคลื่อนทางยา ระหว่างระบบสั่งจ่ายยาแบบใหม่ กับระบบสั่งจ่ายยาแบบเดิม ในผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลชัยภูมิ. เชียงรายเวชสาร. 2563;12(3):99–113.
วิทยา ไชยจันพรม, ทศพร ทองย้อย, มลินา ปฐมเจริญสุขชัย. การใช้ระบบ Paperless ของโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชท่าบ่อ. วารสารการแพทย์โรงพยาบาลอุดรธานี. 2567;32(1):48–57.
Brenner SK, Kaushal R, Grinspan Z, et al. Effects of health information technology on patient outcomes: a systematic review. J Am Med Inform Assoc. 2016;23(5):1016–36.
Hartwig SC, Denger SD, Schneider PJ. Severity-indexed, incident report-based medication error-reporting program. Am J Hosp Pharm. 1991;48(12):2611–6.
Lindén-Lahti C, Kivivuori S-M, Lehtonen L, Schepel L. Implementing a new electronic health record system in a university hospital: the effect on reported medication errors. Healthcare (Basel). 2022;10(6):1020.
Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License
Copyright (c) 2025 โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนาและบุคลากรท่านอื่น ๆ ในโรงพยาบาลฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใด ๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเอง