การพัฒนาและทดสอบสมบัติทางเภสัชกรรมของยา 2% miconazole oral gel สำหรับผู้ป่วยที่มีแผลติดเชื้อราในปาก โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา
คำสำคัญ:
การพัฒนาสูตรตำรับ, โซเดียมคาร์บอกซีเมทิลเซลลูโลส, ไมโคนาโซล ออรัลเจล, สารก่อเจล, ออรัลแคนดิเดียซิสบทคัดย่อ
วัตถุประสงค์: เพื่อพัฒนาสูตรยา 2% miconazole oral gel ที่มีคุณภาพมาตรฐานสำหรับรักษาแผลติดเชื้อราในช่องปาก
วิธีการศึกษา: เป็นการวิจัยและพัฒนา ใช้ระยะเวลา 6 เดือน ประกอบด้วย 4 ระยะ ได้แก่ 1) การพัฒนาตำรับและเตรียมเจลพื้นจากสารก่อเจล 3 ชนิด ได้แก่ carbomer 940, hydroxypropyl methylcellulose (HPMC) 4000 และ sodium carboxymethylcellulose (sodium CMC) 1500-1800 ในความเข้มข้น 1%, 2% และ 3% 2) การทดสอบสมบัติทางกายภาพและเคมีและความคงตัวของเจลพื้น ได้แก่ ลักษณะทั่วไป ความเป็นกรด-ด่าง และความหนืด 3) การทดสอบความคงตัวและผลการยับยั้งเชื้อรา Candida albicans ของยา 2% miconazole oral gelและ 4) การนำไปใช้กับผู้ป่วยของโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา จังหวัดกาญจนบุรี
ผลการศึกษา: เจลพื้นซึ่งเตรียมจาก 2% sodium CMC 1500-1800 มีคุณสมบัติทางกายภาพที่เหมาะสมที่สุด โดยมีลักษณะใส ไม่มีกลิ่น เนื้อเนียน มีค่า pH 6.9±0.1 ความหนืด 180.0±0.0 cPa·s และมีความคงตัวตลอด 6 เดือน เมื่อผสมกับ miconazole nitrate เป็น 2% miconazole oral gel พบว่าสามารถยับยั้งเชื้อรา C. albicans ได้โดยมีเส้นผ่านศูนย์กลาง inhibition zone เฉลี่ย 24.3±0.8 มม. และมีความคงตัวตลอด 6 เดือน เมื่อนำไปใช้กับผู้ป่วยจำนวน 43 ราย พบว่า ผู้ป่วยหายจากการติดเชื้อราในช่องปาก 41 ราย (ร้อยละ 95.34) ไม่เปลี่ยนแปลง 1 ราย (ร้อยละ 2.32) และอาการมากขึ้น 1 ราย (ร้อยละ 2.32)
สรุป: สูตรตำรับ 2% miconazole oral gel ที่พัฒนาขึ้นโดยใช้ 2% sodium CMC 1500-1800 เป็นสารก่อเจลมีคุณสมบัติทางเภสัชกรรมที่เหมาะสม มีประสิทธิภาพในการยับยั้งเชื้อรา และมีความคงตัวดี สามารถนำไปผลิตใช้ในโรงพยาบาลเพื่อเพิ่มโอกาสการเข้าถึงยา
เอกสารอ้างอิง
Akpan A, Morgan R. Oral candidiasis. Postgrad Med J. 2002 Aug; 78(922):455–9.
Patel PK, Erlandsen JE, Kirkpatrick WR, Berg DK, Westbrook SD, Louden C, et al. The Changing Epidemiology of Oropharyngeal Candidiasis in Patients with HIV/AIDS in the Era of Antiretroviral Therapy. AIDS Res Treat. 2012;2012:262471.
อรนาฎ มาตังคสมบัติ. โรคราแคนดิดาในช่องปาก ตอนที่ 1: ลักษณะทางคลินิก และสาเหตุของการเกิดโรค. วิทยาสารทันตแพทยศาสตร์. 2549;56(1):52–63.
นุจริน รัตนแสง, ภาณุมาศ ภูมาศ, ณัฐวัฒน์ ตีระวัฒนพงษ์, ราตรี สว่างจิตร. ประสิทธิผลและความปลอดภัยของยาต้านเชื้อราสำหรับป้องกันเชื้อราแคนดิดาในช่องปากและลำคอในผู้ป่วยเอชไอวี: การทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบและการวิเคราะห์อภิมานเครือข่าย. วารสารเภสัชกรรมไทย. 2567;16(2):586–612.
Thompson GR, Patel PK, Kirkpatrick WR, Westbrook SD, Berg D, Erlandsen J, et al. Oropharyngeal candidiasis in the era of antiretroviral therapy. Oral Surg Oral Med Oral Pathol Oral Radiol Endod. 2010;109(4):488–95.
Coronado-Castellote L, Jiménez-Soriano Y. Clinical and microbiological diagnosis of oral candidiasis. J Clin Exp Dent. 2013;5(5):e279–86.
Odds FC, Brown AJP, Gow NAR. Antifungal agents: mechanisms of action. Trends Microbiol. 2003;11(6):272–9.
Lalla RV, Latortue MC, Hong CH, Ariyawardana A, D’Amato-Palumbo S, Fischer DJ, et al. A systematic review of oral fungal infections in patients receiving cancer therapy. Support Care Cancer. 2010;18(8):985–92.
กองนโยบายแห่งชาติด้านยา. รายละเอียดข้อมูลยา 2% Miconazole oral gel [อินเทอร์เน็ต]. 2568 [เข้าถึงเมื่อ 4 ธ.ค. 2568]. เข้าถึงได้จาก: https://ndi.fda.moph.go.th/drug_detail/index/?rctype=1C&rcno=6515295®ister=MUMgMTUyOTUvNjU=
ไกรสีห์ อัมพรายน์. แนวคิดการพัฒนาสูตรตำรับแคพไซซิน (capsaicin) ขนาด 25 มิลลิกรัม ในรูปแบบครีมเจล และอีมัลชันเจลทาภายนอก. ใน: กรณีศึกษาการวิจัยพัฒนายาและผลิตภัณฑ์ทางเภสัชกรรม เล่ม 3. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิมยาลัย, 2551. หน้า 35–48.
Pharmaceutical Society of Australia. Australian Pharmaceutical Formulary and Handbook: The Everyday Guide to Pharmacy Practice. 22nd ed. Deakin West, ACT: Pharmaceutical Society of Australia; 2012.
Abraham J. International Conference on Harmonisation of Technical Requirements for Registration of Pharmaceuticals for Human Use [Internet]. 2010 [cited 2025 Dec 9]. p. 1041–53. Available from: https://brill.com/view/book/edcoll/9789004181564/Bej.9789004163300.i-1081_085.xml
ICH Harmonised Tripartite Guideline. Stability testing of new drug substances and products Q1A(R2). International Council for Harmonisation; 2003.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนาและบุคลากรท่านอื่น ๆ ในโรงพยาบาลฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใด ๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเอง

