ประสิทธิผลของการใช้โปรแกรมโทรเวช เพื่อติดตามผู้ป่วยมะเร็งระยะประคับประคอง ที่มีภาวะวิตกกังวล หรืออาการซึมเศร้า โรงพยาบาลมะเร็งอุดรธานี
คำสำคัญ:
โทรเวชกรรม, ภาวะวิตกกังวลและความซึมเศร้า, แบบคัดกรองอาการวิตกกังวลและอาการซึมเศร้าบทคัดย่อ
ผู้ป่วยมะเร็งระยะท้ายที่งานการพยาบาลส่งเสริมคุณภาพชีวิต ในปี พ.ศ. 2565 มีความวิตกกังวล และภาวะซึมเศร้า เฉลี่ยร้อยละ 38.23 หลังให้คำปรึกษาจะติดตามประเมินและให้คำปรึกษาอีกครั้งในนัดถัดไป ซึ่งมีความล่าช้าในการจัดการ ประกอบกับโรงพยาบาลได้พัฒนา Telemedicine ซึ่งมีประสิทธิภาพในการให้บริการ แต่ยังไม่เคยนำมาใช้ให้คำปรึกษาในผู้ป่วยที่มีปัญหาทางด้านสุขภาพจิต จึงนำมาใช้ให้คำปรึกษาในผู้ป่วยมะเร็ง โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อประเมินประสิทธิผลการใช้โปรแกรมโทรเวช และเปรียบเทียบความแตกต่างของค่าคะแนนความวิตกกังวล ซึมเศร้า และค่าคะแนนความพึงพอใจ ระหว่างกลุ่มทดลอง และกลุ่มควบคุม รูปแบบการศึกษา Quasi-experimental Research Design กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ป่วยโรคมะเร็งระยะประคับประคองที่มีภาวะวิตกกังวล หรือซึมเศร้า ในงานการพยาบาลส่งเสริมคุณภาพชีวิต โรงพยาบาลมะเร็งอุดรธานี ระหว่าง 13 มีนาคม – 1 พฤษภาคม 2567 โดยใช้ โปรแกรมการให้คำปรึกษา (กรมสุขภาพจิต) โปรแกรมโทรเวชกรรม ประเมินผลโดยใช้แบบสอบถามความวิตกกังวลและอาการซึมเศร้า (Thai HADS) และแบบสอบถามความพึงพอใจ ซึ่งมี ค่า CVI เท่ากับ 0.93 วิเคราะห์ผลโดยการแจกแจงความถี่ และร้อยละ เปรียบเทียบความแตกต่างของข้อมูลทั่วไปของกลุ่มตัวอย่างโดยใช้สถิติ Chi-square test วิเคราะห์คะแนนความวิตกกังวล ภาวะซึมเศร้า ความพึงพอใจ ใช้ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ความแตกต่างของค่าเฉลี่ยคะแนนภาวะวิตกกังวล อาการซึมเศร้า และความพึงพอใจระหว่าง 2 กลุ่ม ใช้ independent t-test ผลการเปรียบเทียบความแตกต่างของข้อมูลทั่วไปทั้ง 2 กลุ่ม ส่วนใหญ่ไม่แตกต่างกัน ผลค่าเฉลี่ยคะแนนความวิตกกังวล ค่าเฉลี่ยคะแนนซึมเศร้า พบว่าทั้ง 2 กลุ่มไม่แตกต่างกัน (p=0.538 , p=0.864) ส่วนค่าเฉลี่ยคะแนนความพึงพอใจกลุ่มควบคุมและกลุ่มทดลอง เท่ากับ 3.89±0.32 และ 4.54±0.21 เมื่อเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยคะแนนความพึงพอใจพบว่า ค่าเฉลี่ยความพึงพอใจมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.001) โดยสรุปโปรแกรมโทรเวชของโรงพยาบาลมะเร็งอุดรธานี สามารถนำมาใช้ให้คำปรึกษาในผู้ป่วยที่มีภาวะวิตกกังวลหรือ ภาวะซึมเศร้าได้ และให้ผลไม่แตกต่างจากการให้คำปรึกษาแบบปกติ นอกจากนี้ผู้ป่วยยังพึงพอใจในประสิทธิภาพด้านการประหยัดเวลา และลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางได้ และเพื่อการบริการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ควรมีแผนพัฒนาการแก้ไขปัญหาการขัดข้องทางเทคนิค และปรับปรุงระบบสัญญาณอินเทอเน็ตให้ดีขึ้น
