เวอร์ชันเก่านี้เผยแพร่เมื่อ 2025-09-23 โปรดอ่าน เวอร์ชันล่าสุด

การพัฒนารูปแบบการส่งเสริมการจัดการดูแลตนเองในผู้ป่วยภาวะหัวใจล้มเหลว ในคลินิกหัวใจล้มเหลว โรงพยาบาลยโสธร

ผู้แต่ง

  • เบญจรัตน์ เสงี่ยมวิบูล -

คำสำคัญ:

ผู้ป่วยภาวะหัวใจล้มเหลว, คลินิกหัวใจล้มเหลว, การจัดการดูแลตนเอง, คุณภาพชีวิต

บทคัดย่อ

            การวิจัยและพัฒนานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการพัฒนารูปแบบการส่งเสริมการจัดการดูแลตนเองในผู้ป่วยภาวะหัวใจล้มเหลว ในคลินิกหัวใจล้มเหลว โรงพยาบาลยโสธร และศึกษาผลลัพธ์หลังพัฒนารูปแบบการส่งเสริมการจัดการดูแลตนเองในผู้ป่วยภาวะหัวใจล้มเหลว กลุ่มตัวอย่างคือ ผู้ป่วยโรคหัวใจล้มเหลวที่ได้รับบริการในคลินิกหัวใจล้มเหลว จำนวน 45 คน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจ 1 คน พยาบาลที่มีประสบการณ์ในการดูแลผู้ป่วยโรคหัวใจ 1 คน เภสัชกร 2 คน นักกำหนดอาหาร 2 คน และนักกายภาพ 2 คน ขั้นตอนการวิจัยแบ่งออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 ระยะวิเคราะห์และสังเคราะห์ร่างต้นแบบ ระยะที่ 2 การพัฒนาต้นแบบ ระยะที่ 3 ระยะทดสอบประสิทธิผลของต้นแบบองค์ความรู้ใหม่ ดำเนินการวิจัยเดือน พฤษภาคม พ.ศ. 2567 -  มกราคม พ.ศ. 2568 เครื่องมือวิจัยได้แก่ รูปแบบส่งเสริมการจัดการดูแลตนเองสำหรับผู้ป่วยภาวะหัวใจล้มเหลว คู่มือการจัดการดูแลตนเองของผู้ป่วยภาวะหัวใจล้มเหลว แบบเก็บข้อมูล แบบสนทนากลุ่ม แบบประเมินการดูแลตนเองของผู้ป่วยภาวะหัวใจล้มเหลว ของรีเกลและคณะ (Riegel et al., 2004) ที่แปลเป็นภาษาไทยโดยจอม สุวรรณโณและคณะ (2551) แบบประเมินคุณภาพชีวิตของภาวะหัวใจล้มเหลว แบบบันทึกความสามารถในการเดินบนพื้นราบในเวลา 6 นาที (6-MWT) วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติทดสอบที

            ผลการศึกษาพบว่า ผู้ป่วยภาวะหัวใจล้มเหลวภายหลังได้รับรูปแบบการส่งเสริมการการดูแลตนเอง มีความสามารถในการดูแลตนเอง คุณภาพชีวิต ความสามารถในการทำหน้าที่ของร่างกาย  (6-MWT) ดีกว่าก่อนการศึกษาอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<.05) และไม่มีการกลับเข้ารักษาซ้ำภายใน 6 เดือน

            ผลจากการวิจัยครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า ควรส่งเสริมการนำรูปแบบการส่งเสริมการจัดการดูแลตนเองไปใช้ในคลินิกหัวใจล้มเหลวในโรงพยาบาลอื่นๆ เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถดูแลตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และลดอัตราการกลับมารักษาซ้ำ

เอกสารอ้างอิง

Yancy CW, Jessup M, Bozkurt B, Butler J, Casey DE Jr, Drazner MH. ACCF/AHA Guideline for the management

of heart failure: Executive summary. JACC. 2013;62(16):1495–1539.

Bonow RO, Mann DL, Zipes DP, Libby P. Braunwald’s heart disease: a textbook of cardiovascular medicine.

th ed. Philadelphia: Elsevier Saunders; 2012.

กองยุทธศาสตร์และแผนงาน สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข.สถิติสาธารณสุข. นนทบุรี: กองยุทธศาสตร์และ

แผนงาน กระทรวงสาธารณสุข; 2565. https://spd.moph.go.th/wp- content/uploads/2023/11/Hstatistic65.pdf

อภิชาต สุคนธสรรพ์และ รังสฤษฎ์กาญจนะวณิชย์. Heart Failure. เชียงใหม่: ไอแอมออร์เกไนเซอร์แอนด์เวอร์ไทซิ่ง; 2547.

Ditewing JB, Blok H, Havers J, Veenendaal HV. Effectiveness of self-management interventions on mortality,

hospital readmissions, chronic heart failure hospitalization rate and quality of life in patients with chronic

heart failure: A systematic review. The European Journal of Heart Failure. 2010;6:643–652.

Woda A, Haglund K, Belknap RA, Sebern M. Self-care behaviors of African Americans living with heart failure.

J Community Health Nurs. 2015;32:173–186.

หน่วยเวชระเบียนและสถิติ. รายงานสถิติประจำปีโรงพยาบาลยโสธร .โรงพยาบาลยโสธร; 2566.

สมาคมแพทย์โรคหัวใจแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์. แนวทางเวชปฏิบัติเพื่อการวินิจฉัยและการดูแลรักษาผู้ป่วยภาวะ

หัวใจล้มเหลว. 2562;19-23.

Heart failure society of America. Executive summary: HFSA 2010 Comprehensive heart failure practice

guideline. J Card Fail. 2010;16(6):e1-2.

Nejadshafiee M, Bahaadinbeigy K, Kazemi M, Nekoei-Moghadam M. Telenursing in

incidents and disasters:A systematic review of the literature. J Emerg Nurs. 2020;46(5):611-622.

Donabedian A. An introduction to quality assurance in health care. New York: Oxford

University Press; 2003

Riegel B, Calson B, Moser DK, Sebern K. Hicks FD. Psychometric testing of the self –care of

heart failure index. Journal of Cardiac Failure. 2004;10(4):350 -360.

Faul F, Erdfelder E, Buchner A, Lang AG. Statistical power analyses using G*Power 3.1: Tests for correlation

and regression analyses. Behav Res Methods. 2009;41:1149-60.

จอม สุวรรณโณ, เรวดี เพชรศิราสัณฑ์, ปุณยวีร์ประเสริฐไทย, อรุณศรี จันทร์ประดิษฐ์, วงรัตน์ใสสุข. การดูแลตนเองของผู้ป่วย

หัวใจล้มเหลวเรื้อรัง. วารสารสภาการพยาบาล. 2551;23(1):35-47.

Rector TS, Kubo SH, Cohn JN. Patient’s self-assessment of their congestive heart failure: Content, reliability

and validity of a new measure: The Minnesota living with heart failure questionnaire. Heart Failure. 1987;3:

-219.

พวงผกา กรีทอง. โมเดลเชิงสาเหตุของคุณภาพชีวิตผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจวาย. วิทยานิพนธ์ปริญญาดุษฎีบัณฑิต. กรุงเทพฯ.:

จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย; 2550.

บุญชม ศรีสะอาด การวิจัยเบื้องต้น. พิมพ์ครั้งที่ 10. กรุงเทพฯ: สุวีริยาสาส์น; 2560. 120-121.

Riegel B, Cason B, Glaser D. Development and testing of a clinical tool measuring self-management of

heart failure: Heart & Lung: Journal of Critical Care. 2000;29(1):4-26.

เผยแพร่แล้ว

2025-09-23

เวอร์ชัน

รูปแบบการอ้างอิง

เสงี่ยมวิบูล เ. . (2025). การพัฒนารูปแบบการส่งเสริมการจัดการดูแลตนเองในผู้ป่วยภาวะหัวใจล้มเหลว ในคลินิกหัวใจล้มเหลว โรงพยาบาลยโสธร. ยโสธรเวชสาร, 27(2). สืบค้น จาก https://he04.tci-thaijo.org/index.php/hciyasohos/article/view/3013

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิชาการ